จากวิกฤติระดับโลกอย่างการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้คนทั่วโลก แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนทั้งโลกได้ประจักษ์คือ ธรรมชาติยังมีพลังที่จะฟื้นฟูตัวเองได้ เราได้หายใจในอากาศที่ดีขึ้น ได้เห็นท้องทะเลที่สวยงาม สัตว์ที่หายากกลับมาปรากฎตัว สิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ กลับมาเป็นไปได้ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือน จังหวัดกระบี่นับเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีทุนทางธรรมชาติอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับโลกของทะเลฝั่งอันดามัน ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่ที่มีความสำคัญต่อสิ่งแวดดล้อมที่โดดเด่นล้ำค่าและมีความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศที่หลากหลาย อีกทั้งวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นับเป็นสมบัติล้ำค่ายากจะหาสิ่งใดมาทดแทน
คุณจะรวย จันทร์ทอง กรรมการ มูลนิธิเอ็นไลฟ กล่าวว่า โครงการหวงแหนกระบี่ (Cherish Krabi) เป็นโครงการที่มูลนิธิเอ็นไลฟได้เข้าไปมีส่วนร่วมทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการโรงแรม และชุมชนท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างจิตสำนึกและสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกระดับ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เห็นความสำคัญของทุนธรรมชาติของจังหวัดกระบี่ และเชิญชวนสังคมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจหวงแหนกระบี่ หาแนวทางอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ผ่านบทบาทของตัวเองเพื่อร่วมสร้างคุณค่าให้แก่แหล่งท่องเที่ยว ชุมชนวัฒนธรรมพื้นถิ่น และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
พ.ต.ท.ม.ล. กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า “กระบี่มีต้นทุนทางธรรมชาติที่ประเมินค่าไม่ได้ ทั้งสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้และที่มนุษย์สร้างขึ้น มีระบบนิเวศที่หลากหลายทั้งภูเขาและป่าที่อุดมสมบูรณ์ ทะเลที่สวยงาม ถ้ำและภาพเขียนโบราณ เป็นสิ่งที่คนกระบี่รักและหวงแหน อยากให้สิ่งเหล่านี้คงอยู่ไปนาน ๆ ถามว่าในอนาคตอยากเห็นกระบี่เป็นอย่างไร ก็อยากเห็นกระบี่คงความสวยงามอย่างนี้ แต่มีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น เป็นระบบ มีมิติทางธรรมชาติ มิติทางวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม รวมถึงความปลอดภัย การคมนาคมที่สะดวกและเอื้อต่อการท่องเที่ยว สิ่งที่เรากำลังมุ่งพัฒนาคือการพัฒนาชุมชนเรื่องการให้บริการที่ดี ดูแลเหมือนญาติเหมือนเพื่อน เพราะการเป็นเจ้าบ้านที่ดีเป็นหัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจ และช่วยกันรักษาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของจังหวัดอย่างยั่งยืน”
นายเนรมิต สงแสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา เล่าว่า “อุทยานแห่งนี้เปรียบเสมือนหลังคาของกระบี่ เป็นจุดสูงสุดของจังหวัด เป็นที่ตั้งของป่าต้นน้ำ แหล่งกำเนิดน้ำที่หล่อเลี้ยงคนกระบี่และจังหวัดใกล้เคียง พันธกิจของอุทยานมี 3 ส่วนงาน คือ การดูแลป้องกันอนุรักษ์ผืนป่า การศึกษาวิจัยพื้นที่ผ่านงานวิชาการ และการเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวนันทนาการ ต้องสร้างความร่วมมือทุกส่วน การหวงแหนกระบี่ก็เหมือนการหวงแหนทรัพยากรบนโลกใบนี้ เพราะกระบี่มีทรัพยากรที่เป็นตัวแทนเกือบทั้งหมดของประเทศ ทั้งภูเขาจนถึงทะเล นักท่องเที่ยวที่มาควรปฏิบัติตามข้อกำหนด มีหัวใจสีเขียว มาท่องเที่ยวเสมือนว่าพื้นที่นี้เป็นบ้านของเรา เราจึงจะรักและหวงแหน ไม่ทำลายทุนที่ธรรมชาติให้มา และมีทรัพยากรที่ใช้ประโยชน์ได้ต่อไปจนถึงคำว่ายั่งยืน
เช่นเดียวกับนายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เชิญชวนทุกคนมาหวงแหนกระบี่ด้วยการท่องเที่ยวอย่างมีจิตสำนึก อุทยานฯ มีหน้าที่ดูแลและสร้างการมีส่วนร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ และเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวให้ทุกคนได้มาสัมผัส เราจึงควรร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อให้ความสวยงามนี้คงอยู่ต่อไป
ภาคชุมชนและผู้ประกอบการนั้นก็มีความเข้มแข็ง มีการประกอบอาชีพควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของจังหวัดกระบี่ตามบทบาทของตนเอง นายดำรงค์ และเหล็ม ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวประมงพื้นบ้านอ่าวน้ำเมาไร่เล บอกว่า “เรือหัวโทงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของกระบี่ ทำให้ผมมีอาชีพทำมาหากินจนถึงปัจจุบัน และยังทำหน้าที่สร้างความเข้าใจ ให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวในการรักษาสิ่งแวดล้อม และผู้ประกอบการเรือหัวโทงเองก็ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เก็บขยะระหว่างการเดินเรือ เพื่อดูแลให้จังหวัดกระบี่น่าอยู่ขึ้น ผมรักจังหวัดกระบี่และอยากให้คนที่มาเที่ยวช่วยกันรักและดูแลจังหวัดกระบี่ด้วย”
นายดลหล้อ เหมพิทักษ์ กรรมการประมงพื้นบ้านบ้านไหนหนัง เล่าว่า “บ้านไหนหนังคือพื้นที่ผสมผสานวัฒนธรรมไทย-มุสลิม แต่เดิมชื่อว่าสุไหงกาหนัง สุไหงหมายถึงคลอง กาหนังหมายถึงสุขสบาย เมื่อก่อนการทำประมงที่นี่ใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายกันเยอะ มีการล่าปลาโดยใช้อวนรุน อวนลากที่ทำลายลูกสัตว์น้ำมากมาย จึงมาคิดถึงการอนุรักษ์ทั้งการประมงและป่าชายเลน มีการทำ “ชันชี” หมายถึง ข้อตกลงการอนุรักษ์ที่ควบคู่กับการใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน ตั้งกติกาจากการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน เช่น การกำหนดพื้นที่จับปลา การทำบ้านปลา การเปลี่ยนเครื่องมือหาปลา สร้างจิตสำนึกให้กับชาวบ้านในการหวงแหน ให้ความสวยงามและธรรมชาติคงอยู่ได้นาน ๆ ถ้าเราไม่อยู่แล้วลูกหลานต่อไปก็จะได้อยู่อย่างสุขสบายเหมือนชื่อบ้านไหนหนัง ต้องสร้างจิตสำนึกในการอยู่ร่วมกัน มีผู้ที่ให้และมีความเมตตาต่อกัน”
นายสุธีร์ ปานขวัญ ประธานวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงผึ้ง บ้านไหนหนัง ชุมชนแห่งนี้มีการเลี้ยงผึ้งในพื้นที่ป่าชายเลน เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชน และร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง คุณสุธีร์กล่าวว่า “คำว่าหวงแหนนั้น ต้องมองให้ลึก เหมือนกลุ่มเลี้ยงผึ้ง เราต้องหวงแหนและดูแลทั้งทรัพยากร ชื่อเสียง และรายได้ 3 ส่วนตรงนี้ต้องทำไปพร้อม ๆ กัน สิ่งที่เราทำวันนี้ ต้องคิดถึงคนที่มาทำต่อไปในวันข้างหน้า ถ้าวันนี้มีทรัพยากรนี้อยู่ ลูกหลานของเราก็ต้องมีทรัพยากรนี้อยู่เหมือนเดิม เวลาเราทำสิ่งต่างๆ นั้นผมอยากให้ทุกคนเอาสถานที่เป็นตัวตั้ง กระบี่เป็นบ้านเกิด กลุ่มเลี้ยงผึ้งก็เอาบ้านไหนหนังเป็นตัวตั้งและค่อยขยายออกไปจนถึงระดับประเทศ ถ้าเราตั้งค่าแบบนี้จะไม่มีอะไรขวางกั้นเราได้ หากเราเอาบุคคลเป็นที่ตั้ง เมื่อเราไม่พอใจกับบุคคลเราอาจหมดกำลังใจที่จะทำ ถ้าเราอนุรักษ์หวงแหนกระบี่ที่เป็นบ้านเกิดให้คงอยู่แบบนี้ไปตลอด กระบี่ก็จะเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยว พูดถึงกระบี่แล้วจะนึกถึงความสุขสบายที่ได้มาเยือน”
ปิดท้ายที่ นายอนันต์ ข้อยี่แซ่ มัคคุเทศก์นำทางเส้นทางเรือคายัค อ่าวท่าเลน ที่ร่วมหวงแหนกระบี่ว่า“คนนำทางพายเรือคายัคมีส่วนช่วยรักษาระบบนิเวศ กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวรักษาธรรมชาติ เวลาเราพายเรือไปเจอขยะหรือขวดพลาสติกก็เก็บกลับมาทิ้งที่ฝั่ง เพื่อให้ธรรมชาติที่สวยงามได้โชว์ให้ทุกคนได้มาเห็น เก็บเอาความประทับใจกลับไป คำว่าหวงแหนกระบี่นั้นไม่สามารถวัดได้หรือ บอกเป็นหน้าตาได้ ต้องเกิดจากความรู้สึกลึกๆ ภายในจิตใจ คือต้องเกิดความรักก่อน เมื่อคนเราเกิดความรักแล้ว เราจึงเกิดคำว่าหวงแหนขึ้นมา ไม่อยากทำลายและไม่อยากสูญเสีย จึงต้องรักษาไว้ นี่คือคำว่าหวงแหนครับ”
นี่คือเสียงของคนกระบี่ที่รักและหวงแหนกระบี่และต้องการสร้างการมีส่วนร่วมกับทุกคนที่ได้ไปกระบี่มาร่วมกันรักษ์กระบี่ไปพร้อมกัน