กิจกรรม “PIL ชวนคุย 65” งานสัมมนาออนไลน์ที่บริษัท พรีเมียร์ อินเตอร์ ลิซซิ่ง จัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุยกับลูกค้า คู่ค้าของธุรกิจให้บริการการเดินทางด้วยความปลอดภัย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากคู่ค้า ลูกค้า แลกเปลี่ยนมุมมอง เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งได้จัดไป 2 ครั้งแล้ว โดยเวทีแรกจัดขึ้น หัวข้อ “จะรถนาย รถพี่หรือรถน้อง บริหารอย่างไรให้โดนใจใครทุกคน” การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองจากผู้บริหาร Corporate Fleet Management ให้ผู้เข้าร่วมงานเข้าใจถึงธุรกิจการให้บริการรถเช่าสำหรับองค์กร ความแตกต่างของรถเช่าใช้และรถเช่าซื้อ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา การพัฒนาธุรกิจเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อม สรุปใจความได้ว่า
“ ธุรกิจการให้บริการรถเช่าสำหรับองค์กรนั้น มีวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมทางสังคมปัจจัยความต้องการจากองค์กรที่เป็นผู้ใช้บริการนั้น ส่งผลต่อธุรกิจให้บริการรถเช่าที่จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง การให้บริการจะต้องมีความครอบคลุม ยืดหยุ่น มีการดูแลที่ครบวงจรระบุในเงื่อนไขสัญญา เพื่อช่วยลดภาระของผู้ใช้บริการ สุดท้ายคือ ความเชื่อมั่นในการบริการของบริษัทผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์มายาวนาน มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการของลูกค้า”
ด้าน บริษัท บี-ควิก จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการซ่อมและบำรุงรักษาเครื่องยนต์ มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ให้มุมมองว่า การให้บริการซ่อมบำรุงรักษานั้น ต้องมีความรวดเร็ว ดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 วัน เพื่อส่งมอบรถยนต์กลับคืนให้ลูกค้าได้ใช้งาน เพื่อให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปตามปกติได้เร็วที่สุด ส่วนสุดท้าย เป็นมุมมองของผู้ผลิตรถยนต์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่กล่าวถึงรถยนต์หลากหลายรุ่นตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละส่วนงานและมองไปถึงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม
สำหรับการจัดเวที PIL ชวนคุย ครั้งที่ 2 “จินตนาการรถโรงเรียนในต่างมุมมอง” โดยวิทยากรทั้งภาควิชาการ หน่วยงานรัฐ คู่ค้า และ ผู้ให้บริการรถโรงเรียนนานาชาติ ที่ให้มุมมองต่ออุตสาหกรรมธุรกิจให้บริการรถโรงเรียนว่า
“ สิ่งสำคัญของธุรกิจให้บริการรถโรงเรียนคือ ความปลอดภัยในการเดินทาง ความสะอาดและ Hygiene ของรถยนต์ ตรงต่อเวลา สมรรถนะของรถยนต์ที่ต้องพร้อมใช้งาน รวมถึงอุปกรณ์เสริมที่ช่วยอำนวยความสะดวกทั้งกล้องวงจรปิด ระบบที่ช่วยป้องกันการลืมเด็กไว้ในรถ รวมถึงพนักงานที่ให้บริการต้องมีทักษะการขับรถที่ดี มีใจรักการบริการ และการเคารพกฎจราจร เป็นองค์ประกอบที่ต้องพัฒนาและยกระดับรถโรงเรียนในประเทศไทย ให้มีมาตรฐานที่ดีขึ้นไปพร้อมกัน จากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง”
โดยฝั่งผู้ผลิตทั้ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (TMT) และ บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (TDEM) ได้อัพเดทการพัฒนารถโรงเรียนต้นแบบที่ทำร่วมกับ PIL รวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรถยนต์ เช่น เบาะหนังฆ่าเชื้อ ปุ่มกดป้องกันการลืมเด็กไว้ในรถ การเพิ่มเข็มขัดนิรภัย 3 จุดสำหรับทุกที่นั่ง รวมถึงการเปิดศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่จังหวัดอยุธยา ที่เป็นอีกหนึ่งช่องทางการร่วมเรียนรู้ การรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นจุดร่วมที่โตโยต้า PIL และทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญ เพื่อช่วยกันลดมลพิษบนท้องถนนและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่วนของภาครัฐ กองบังคับการตำรวจจราจร ให้ความเห็นว่าการเดินทางไป-กลับของเด็กนักเรียนด้วยรถโรงเรียนต้องคำนึงถึงความปลอดภัย คาดเข็มขัดนิรภัยทุกคน และการจอดรถเพื่อรับส่งเด็กนักเรียนต้องคำนึงความปลอดภัย ไม่กีดขวางการจราจร นอกจากนี้การดูแลรักษาเครื่องยนต์ไม่ให้เกิดควันดำที่ปล่อยมลพิษ และการบำรุงรักษาเพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการต้องคำนึงถึงด้วยเช่นกัน