Help You,Help Me ปีที่ 5 คึกคัก “เทลสกอร์” จับมือมูลนิธิเพื่อ “คนไทย” มอบรางวัล “สื่อบุคคล” ช่วยภาคสังคม

“Help You,Help Me” ปีที่ 5 คึกคัก “เทลสกอร์” จับมือมูลนิธิเพื่อ “คนไทย”
มอบรางวัล “สื่อบุคคล” ช่วยภาคสังคม

เทลสกอร์ร่วมกับมูลนิธิเพื่อคนไทยและร้อยพลังสร้างสังคมดีประกาศผลรางวัล 7 แคมเปญเพื่อสังคมที่ได้รับรางวัลสื่อบุคคลโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แก่ผู้ส่งข้อเสนอโครงการร่วมกิจกรรม “Help You, Help Me : Influencer for Changeต่อเนื่องสู่ปีที่ 5 โดยในปีนี้มี 25 แคมเปญฯ เข้ารอบพิจารณา และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างคึกคัก ทั้งจากภาคสังคม ภาคธุรกิจและภาคสื่อกว่า 30 องค์กร

โครงการ Help You,Help Me ภายใต้แนวคิด Influencer for Change โดย Tellscore หนึ่งในผู้นำด้านการตลาดอินฟลูเอนเซอร์ เกิดขึ้นด้วยคุณค่าหลักคุณช่วยสังคม ให้เราช่วยคุณด้วยความเชื่อว่า พลังของอินฟลูเอนเซอร์/ครีเอเตอร์ สามารถสร้างแรงกระเพื่อมในประเด็นทางสังคมได้อย่างมีนัยยะสำคัญ วัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้พลังการสื่อสารของอินฟลูเอนเซอร์/ครีเอเตอร์ บรรเทาปัญหาสังคมที่หลากหลายผ่านคอนเทนต์ที่มีพลังและความคิดสร้างสรรค์ และเพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านการสื่อสารเพื่อภาคสังคมให้อินฟลูเอนเซอร์/ครีเอเตอร์ได้เติบโตไปกับสังคมไทยที่ดีขึ้นด้วย 

ทั้งนี้ แคมเปญที่ได้รับรางวัลของปี 2567 จะเป็นโครงการที่ผ่านการเลือกสรรโดยคณะกรรมการจากเทลสกอร์ว่ามีความเหมาะสมที่จะใช้สื่อบุคคลสื่อสารระดมการมีส่วนร่วมจากประชาชน ในปีนี้มี 7 แคมเปญเพื่อสังคมที่ได้รับรางวัลมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย 1.โครงการ Hmong Cyber Season 5  (Hmong Cyber Social Enterprise )  2. โครงการ ต้องแฉ MustShare แคมเปญ สังคมยกมือ (แฮนด์วิสาหกิจเพื่อสังคม)3. โครงการ No Tree No Breath No life (มูลนิธิรักษ์ไม้ใหญ่) 4. โครงการ Dao Ethical Gifts  (Dao Ethical Gifts) 5. โครงการ ทุนการศึกษา (มูลนิธิยุวพัฒน์) 6. โครงการ Saturday School  (มูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์) 7. โครงการ Change Journey  ( สมดุลย์ฯ ศูนย์สร้างเสริมสุขภาว และพัฒนาสมดุลชีวิตองค์รวม) และรางวัลปีนี้พิเศษตรงที่จะเป็นสื่ออินฟลูเอนเซอร์/ครีเอเตอร์ที่มีจำนวนผู้ติดตามหลักแสนคน (Medium Influencer/Creator) รางวัลละ 3 สื่อบุคคล อีกทั้งยังเน้นช่องทาง Tiktok  เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงกลุ่มผู้ติดตามใหม่ๆ ให้กับภาคีภาคสังคมให้มากที่สุด 

คุณวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย กล่าวว่า การที่โครงการนี้มีความต่อเนื่องสู่ปีที่ 5 ก็เพราะเกิดการยื่นมือเข้ามาช่วยซึ่งกันและกัน  แน่นอนว่า มีองค์กร บุคคลที่ทำงานด้านสังคมอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพในการสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยใช้ความรู้ ความเชี่ยวชาญที่มีให้เกิดประโยชน์ และประสานเชื่อมโยงกัน   

ผมคิดว่า ทุกคนสามารถเป็นตัวคูณในการแก้ไขปัญหาสังคมได้ ดังที่เทลสกอร์ได้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจับคู่สื่อบุคคลให้มาช่วยภาคสังคม ขอขอบคุณทุกองค์กรที่หยิบยื่นทรัพยากรที่มีมาช่วยกันพัฒนาและยกระดับสังคมให้เข้มแข็งขึ้น เป็นสังคมที่ดีแก่คนถ้วนหน้าประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทยกล่าว

คุณสุวิตา จรัญวงศ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทลสกอร์ จำกัด กล่าวว่า ปัญหาสังคมมีหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ผู้สูงวัย คนพิการ หนี้ครัวเรือน หรือสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ขณะเดียวกันมีหน่วยงานภาคสังคมที่กำลังทำหน้าที่เป็นแนวหน้าในการชักชวนผู้คนมาร่วมกันแก้ไขปัญหาเหล่านั้น แม้ไม่มีความพร้อมในทุนทรัพย์ หรือองค์ความรู้ที่จะช่วยสร้างการรับรู้และกระจายผลงานให้เกิดการมีส่วนร่วมในวงกว้าง เทลสกอร์จึงขอเติมเต็มช่องว่างที่หายไปด้วยการนำความชำนาญด้านอินฟลูเอนเซอร์ มาร์เกตติ้งเข้าไปเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนในการช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้น

สื่อบุคคลในระบบเทลสกอร์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางสื่อสารแคมเปญเพื่อสังคมให้เข้าถึงประชาชนทั่วไป จนเกิดกระบวนการทำซ้ำด้านความดี และผลกระทบทางสังคมหรือการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นหลังกระบวนการสื่อสาร ไม่ว่าจะสื่อสารเพื่อช่วยภาคสังคมระดมทุน หรือเชิญชวนประชาชนมาเป็นอาสาสมัคร หรือมาร่วมกิจกรรมคุณสุวิตากล่าว

คุณสุดาพร สิงหเทพธาดา ผู้จัดการ Dao Ethical Gifts ธุรกิจเพื่อสังคมที่มุ่งเน้นเสริมพลังผู้หญิงเปราะบาง หนึ่งในผู้ได้รับรางวัลกล่าวว่ารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมกิจกรรมนี้เพราะต้องการแรงสนับสุนจากสื่ออินฟลูอินเซอร์ที่มีใจมากช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกให้สังคมและขยายผลงานพัฒนาความยั่งยืนและเสริมพลังผู้หญิงกลุ่มเปราะบางด้วยการเชิญชวนสังคมมาอุดหนุนสินค้าฝีมือแม่ๆ เหล่านี้ โครงการ Help You,Help Me ไม่ใช่การแข่งขัน เพราะผู้นำเสนอโครงการทุกท่านต่างเป็นผู้ชนะตัวจริงด้วยคุณค่าที่ทุกคนได้สร้างประโยชน์ให้สังคมอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

คุณอรยา สูตะบุตร ผู้ร่วมก่อตั้ง Big Trees เปิดใจว่า รู้สึกยินดีที่ครั้งนี้ Big Trees ได้รางวัลเพราะคณะทำงานตั้งใจมาก มีการปรับแก้สไลด์นำเสนอและซ้อมกันหลายรอบถึงขนาดว่าถ่ายคลิปแล้วดูตัวเองด้วยว่าต้องปรับปรุงอย่างไร และเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่มาจากการได้เข้าเวิร์คชอปหัวข้อการนำเสนอโครงการที่ดีจากงาน Good Society  Day ที่ผ่านมา

สำหรับอินฟลูเอนเซอร์ที่มาร่วมกิจกรรม Help You,Help Me ปีนี้ อาทิ คุณศศิภัทร์  อิทธิโสภณพิศาล (TikTok: ive_sasi), คุณปริญญาทิพย์  แก้วบัวดี (TikTok: sstangbah), คุณณัฐรดา สุขสุธรรมวงศ์ (TikTok: krutookta_natrada), คุณยุวดี   ปิ่นทองทิพย์  (Facebook: January Pinthongtip) และคุณอัญชิษฐา เรียบร้อย (Facebook: Anchittha Riabroi) รวมทั้งเครือข่ายภาคธุรกิจที่เข้ามาร่วมมือเป็นปีแรก ประกอบด้วย บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล, COBE by SC Asset, บมจ.ซีพี ออลล์, ศูนย์การค้าสยามพารากอน และ SCBX NEXT TECH 

ตลอดระยะเวลา 4 ปีของการจัดกิจกรรม Help You, Help Me มีหน่วยงานภาคสังคมเข้าร่วมเสนอโครงการมากกว่า 100 โครงการ และมีโครงการที่ได้รับสนับสนุนสื่ออินฟลูเอนเซอร์โดยไม่มีค่าใช้จ่ายไปแล้วกว่า 24 โครงการ มีอินฟลูเอนเซอร์ร่วมผลิตคอนเทนต์เพื่อช่วยสื่อสารขยายผลไปกว่า 1,200 คน สำหรับใน ปี 2567 นี้ ได้รับความสนใจจาก 25 ภาคีภาคสังคมร่วมส่งนำเสนองาน และมีองค์กรเข้าร่วมกิจกรรมนี้กว่า 30 องค์กร นอกจากนั้น ยังมีผู้นำทางความคิด เช่น ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอรัปชัน (ประเทศไทย) รวมทั้ง คุณกาวิน ควงปาริชาต ผู้ร่วมก่อตั้ง DOTS COFFEE ร้านกาแฟที่มีผู้พิการทางสายตาเป็นบาริสต้ามาแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้รับสนับสนุนสื่อจากโครงการนี้ด้วย

สามารถติดตามรายละเอียดโครงการเพื่อสังคมที่ร่วมกิจกรรม Help You,Help Me เพื่อยื่นมือเข้ามาช่วยกันอีกแรง ได้ที่ https://helpyouhelpme.tellscore.com/  หรือรับชมวิดีโอ https://www.youtube.com/watch?v=ruhrQJnf91s

Good Society Day 2024 รวมพลคนสร้างสังคมดี

ขอบคุณทุกคนทีมีส่วนร่วมกับงาน
Good Society Day 2024 รวมพลคนสร้างสังคมดี
เพราะทุกคนคือ Dots เล็กๆ ที่จะเชื่อมต่อเป็นพลังเพื่อขับเคลื่อนสังคมของเราให้ดีขึ้น

งาน Good Society Day 2024 งานที่ตั้งใจจัดขึ้นเพื่อจุดพลังให้คนภาคสังคมมีใจอีกครั้ง  งานนี้มีทั้งหน่วยงานภาคสังคม องค์กรเอกชน นักศึกษา และประชาชนผู้ที่สนใจและต้องการขับเคลื่อนสังคมของเราให้ดีขึ้นเข้าร่วมงานพร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกิจกรรมดีดีมากมาย  

โดย คุณวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการ มูลนิธิเพื่อคนไทย กล่าวเปิดงานว่าหากย้อนหลังไป 11 ปีที่แล้วเป็นครั้งแรกที่เราได้ร่วมกันจัดงานคนไทยขอมือหน่อย  ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อเชิญคนไทยในสังคม มาช่วยกันสร้างสังคมดีให้กับประเทศไทย วันนี้เป็นครั้งที่ 8 ที่เราจัดงานคนไทยขอมือหน่อย ที่ได้เชิญชวนคนในภาคส่วนต่างๆ มาร่วมมือกัน และพัฒนาให้สังคมของเราเป็นสังคมที่น่าอยู่ ธีมการจัดงานวันนี้ยังสอดคล้องเหมือนเดิมจากจุดตั้งต้น เป็นการรวมพลังสร้างสังคมที่ดีสำหรับทุกคน ทุกท่านที่นี้ก็เป็น Active Citizens หลายท่านทำงานมาหลายสิบปี ซึ่งก็คงมีคำถามว่า แล้ววันนี้สังคมดีขึ้นหรือยัง 

อย่างไรก็ตาม สังคมที่ดีในความหมายของแต่ละคนก็มีนิยามต่างกันไป มากน้อยแตกต่างกัน  หลายท่านคงทราบว่าสังคมที่ดีในแง่มุมสำหรับเราก็อาจไม่ได้ดีสำหรับทุกคน และคนที่คิดว่าสังคมยังไม่ดีสำหรับเขาก็คงมีอยู่มาก เป็นพื้นฐานของความเข้าใจถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำที่อยู่ในสังคม ที่มีทั้งปัญหา ความท้าทาย อนาคตของชาติคนรุ่นใหม่ การศึกษา การอบรมบ่มเพาะ การติดอาวุธให้เขาเป็นคนที่เข้มแข็ง พร้อมจะดูแลสังคมต่อไปในอนาคต เรายังทราบถึงความท้าทายของประเด็นด้านสุขภาพ สาธารณสุข ปัญหา PM 2.5 เป็นเรื่องที่เราก็มีความเข้าใจกับมันมากขึ้น สอดคล้องกับการดูแลสิ่งแวดล้อม เรื่องมลภาวะต่างๆ  ยังมีปัจจัยเรื่องการขาดธรรมาภิบาล หลักนิติธรรม ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นในสังคม

เรื่องต่างๆ เหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่าสังคมยังดีไม่ถ้วนหน้า หลายท่านหลายองค์กรที่ร่วมงานกัน ยังคงมุ่งมั่นร่วมกันสร้างสังคมดีกันอยู่  เชื่อว่าปัญหาและความท้าทายข้างต้นนั้นคงไม่ได้จบภายใน 1-2 ปีข้างหน้า เป็นเรื่องที่เรายังคงต้องให้ความสำคัญ เราคงได้พบกัน มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มีโอกาสที่จะสร้างความร่วมมือ เพราะภารกิจขนาดใหญ่ต้องการความร่วมมือ เช่นเดียวกับคอนเซปต์งานครั้งนี้ที่เป็นภาพวงกลมของความหลากหลายต่างๆ ในสังคม เป็นจุดต่างๆ ที่ต้องอาศัยความเชื่อมโยงกัน และจำเป็นต้องมีการทับซ้อนกัน หรือเกี่ยวกัน เป็นตัวแทนของส่วนประกอบต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคม ผู้ที่มีส่วนได้เสียในสังคมที่จะต้องมีโอกาสในการเชื่อมโยงกัน เสริมสร้างพลังของสังคมดีให้ทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำ ให้เป็นสังคมดีของทุกคนต่อไป 

สามารถรับชมวิดีโอย้อนหลังได้ที่ 

Youtube :  https://www.youtube.com/@goodsocietythailand4887 

Facebook : https://www.facebook.com/goodsocietythailand 

มื้ออาหารมีประโยชน์ให้น้องๆ
ผ่านโครงการ FOOD FOR GOOD

มื้ออาหารมีประโยชน์ให้น้องๆ
ผ่านโครงการ FOOD FOR GOOD

เพราะการสร้างการมีส่วนร่วมเป็นการยกระดับการทำงานเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีและมีประโยชน์ในวงกว้าง  โครงการ FOOD FOR GOOD ที่มีภารกิจแก้ไขปัญหาทุพโภชนาการเด็กไทยด้วยแนวคิดพี่อิ่มท้อง น้องอิ่มด้วยสร้างการมีส่วนร่วมกับคนในสังคมมาอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งต่ออาหารที่มีคุณภาพให้น้องๆในการดูแลได้อิ่มท้องด้วยโภชนาการที่ดี

ทางโครงการฯ ชวน มาร์คภาวริสร์ พานิชประไพดีกรี MasterChef Junior Thailandพร้อมเดอะแก๊งค์ ชวนแฟนคลับและทุกคนในสังคมมาร่วมระดมทุนมอบมื้ออาหารที่ดี มีประโยชน์ให้กับเด็กๆ ที่อยู่ห่างไกล  ใน 2 โรงเรียนที่ห่างไกล ตลอด 1 ปีการศึกษา 65

มาร์คภาวริสร์ บอกว่าเพราะผมรักการทำอาหารและเชื่อเหมือนกับ FOOD FOR GOOD ว่าโภชนาการที่ดีคือรากฐานของการเจริญเติบโต  และทุกวันนี้ 1 ใน 3 ของเด็กไทย หรือ 2.9 ล้านคน มีภาวะทุพโภชนาการ เพราะพวกเขาได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่ครบถ้วน ส่งผลให้ร่างกายและสมองของพวกเขาไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ผมจึงอยากชวนทุกคนมาร่วมกับผมเพื่อช่วยกันทำให้เพื่อนๆ ผมที่อยู่พื้นที่ห่างไกลได้มีโภชนาการที่ดีขึ้นครับ และการให้ครั้งนี้ไม่ได้จบเพียงแค่มื้ออาหารแต่เราจะทำให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีและเจริญเติบโตอย่างสมวัยครับ

สำหรับเงินบริจาคจำนวนนี้ทาง FOOD FOR GOOD จะนำไปดำเนินการตามกลไก 4 GOOD ของโครงการฯ คือ 

  • GOOD FOOD สนับสนุนมื้ออาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน หลากหลายและมีปริมาณที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของร่างกายให้เด็กในโรงเรียนที่ห่างไกล ตลอดระยะเวลา 1 ปี
  • GOOD KNOWLEDGE ให้ครูได้รับการส่งเสริมความรู้ ความสามารถ จัดการอาหารและโภชนาการในโรงเรียนได้อย่างถูกต้อง โดยตลอดโครงการครูจะได้รับคำปรึกษาจากนักโภชนาการจาก FOOD FOR GOOD เพื่อให้เพื่อน ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
  • GOOD FARM สนับสนุนแหล่งอาหารที่ปลอดภัย เพื่อนำมาปรุงอาหาร เพื่อส่งเสริมให้เกิดกองทุนหมุนเวียน สร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่เด็กในพื้นที่ห่างไกลแบบระยะยาว
  • GOOD HEALTH ติดตามภาวะโภชนาการของนักเรียน และทำงานใกล้ชิดกับกลุ่มนักเรียนที่มีภาวะทุพโภชนาการและเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง พร้อมทำงานเชื่อมต่อกับสาธารณสุขในพื้นที่ทั้งหมด

สาลินี รัตนชัยสิทธิ์ ​ศิลปินวาดภาพประกอบ
@Cyranodesign (ไซราโนดีไซน์)
ใช้ความถนัด ร่วมสร้างสังคมดี วาดภาพลายเส้น ส่งน้องเรียนให้ปันกัน

สาลินี รัตนชัยสิทธิ์ ศิลปินวาดภาพประกอบ @Cyranodesign (ไซราโนดีไซน์)
ใช้ความถนัด ร่วมสร้างสังคมดี วาดภาพลายเส้น ส่งน้องเรียนให้ปันกัน

เพราะการแบ่งปันคือโอกาสทางการศึกษา  คุณสา สาลินี รัตนชัยสิทธิ์ ศิลปินวาดภาพประกอบ Character Illustrator เจ้าของแบรนด์ @Cyranodesign (ไซราโนดีไซน์) ที่มีสินค้าไลฟ์สไตล์มากมายทั้งผ้าพันคอ กระเป๋าผ้า  ฯลฯ จึงใช้ความถนัดของตนเอง เพื่อช่วยงานภาคสังคม วาดภาพลายเส้นมอบให้โครงการร้านปันกัน ผลิตเป็นเสื้อยืด นำมาจำหน่ายเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กขาดโอกาส ในมูลนิธิยุวพัฒน์ สินค้าจำหน่ายแบบพรีออเดอร์ ช่องทาง Line OA @Pankanonline ตั้งแต่วันนี้ -30 มิถุนายน 2565

คุณสาเล่าว่า เราได้ยินคำว่าแบ่งกันหรือแบ่งปันมาตั้งแต่เด็ก และเรียนรู้ว่าว่าการแบ่งนั้น เป็นการสละบางสิ่งให้แก่กัน สมัยเด็กเราอาจรู้สึกเสียดายเพราะยึดติด แต่พอโตมาแล้ว เราจะมองคนอื่นมากขึ้น เราเห็นว่าสิ่งที่เราปันไปนั้น ไม่ได้ทำให้ผู้รับหัวใจพองฟูอยู่ฝ่ายเดียว แต่เราก็ได้รับความสุขสดชื่น และอิ่มใจไปด้วยเช่นกัน คำว่าปันกันของสา เลยทำให้นึกถึงคำว่า “give and take” ซึ่งที่ผ่านมาเรามีส่วนร่วมทำกิจกรรมอาสาตลอดทั้งแรงกายบ้างความรู้บ้างอะไรที่คิดว่าตัวเองทำได้หรือมีประโยชน์กับผู้อื่นก็จะลงมือทำทั้งเป็นอาสาช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้การทำสิ่งของจำหน่ายเพื่อช่วยเหลือในเหตุการณ์ต่างๆ

แรงบันดาลใจของการวาดภาพนี้ตั้งต้นจากคำว่า ปันกันและเด็ก  ภาพตั้งต้นนั้นสาคิดถึงเด็ก 2 คนแบ่งสิ่งที่มีอยู่ให้แก่กันสิ่งนั้นอาจไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่แต่มีค่าในความรู้สึกเด็กคนหนึ่งมีดอกไม้และเด็กอีกคนมีน้องเห็ดสิ่งที่ต่างคนต่างมีในมือแลกเปลี่ยนหรือปันกันผ่านลวดลายของเครื่องแต่งกายพร้อมใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเพราะทั้งคู่ได้แบ่งปันความสุขให้แก่กันจึงเกิดเป็นภาพวาดน่ารักๆนี้ขึ้น

คุณสากล่าวเพิ่มเติมว่าบางท่านเวลาเห็นใครหลายๆ คนช่วยเหลือกัน อาจจะคิดว่า เขาพร้อมและมีทุกอย่างเลยแบ่งปันได้ แต่จริงๆ การแบ่งปันกัน อาจเริ่มจากทักษะความสามารถเล็กๆน้อยๆ ของตัวเอง เช่นการวาดรูป ทำอาหาร ถนัดภาษา ถนัดงานไม้ ถนัดคำนวณ ถนัดเจรจา ถนัดวางแผน ชอบปลูกต้นไม้ ชอบงานประดิษฐ์ หรือแม้แต่ยังไม่มีไอเดียในหัวว่าเราชอบอะไร ทุกคนก็สามารถเรียนรู้ และแบ่งปันความสามารถของตัวเองได้ สิ่งที่เราชอบ ความถนัดของเราอาจเป็นที่ต้องการของอีกคน ดังนั้น ความถนัดต่าง ๆ ล้วนเกื้อกูลกัน ลองดึงศักยภาพของตัวเองออกมา และแบ่งปัน เชื่อว่าเราทุกคนจะช่วยสร้างสังคมที่ดีขึ้นได้

การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเด็ก สามองว่าแม้ว่าพื้นฐานการเลี้ยงดู และความอบอุ่นในแต่ละครอบครัวอาจแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญและควรเป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิต คือ การศึกษาที่ดี สำหรับเด็กบางคนการศึกษาอาจเป็นสิ่งหล่อหลอมเดียวด้วยซ้ำ ที่จะเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต ไม่ว่าเด็กจะโตมาในสภาพความเป็นอยู่ สภาพแวดล้อมแบบไหน เขาควรได้รับโอกาสในการศึกษา ได้เรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ เพื่อให้เขาคิดเป็น เลือกเป็น และใช้สิ่งนั้นเป็นต้นทุนชีวิต เพื่อพัฒนาตนเอง และพัฒนาสังคมต่อไป

ต้องขอบคุณโครงการร้านปันกันมูลนิธิยุวพัฒน์ที่ชวนมาสร้างสรรค์ลายเส้นครั้งนี้รายได้จากการจำหน่ายเสื้อยืดทุกตัวจะเป็นต้นทุนสำคัญให้กับเด็กๆเพราะไม่ใช่แค่ตัวเงินรายได้แต่นั่นคือการทำให้เด็กทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่จะเป็นประโยชน์ทั้งกับตัวเขาและสังคมของเราในอนาคต

FOOD FOR GOOD
Fund Raising Charity Dinner

FOOD FOR GOOD

FOOD FOR GOOD
จัดกิจกรรม FOOD FOR GOOD Fund Raising Charity Dinner
สร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
เพื่อเป้าหมายสร้างรากฐานการเติบโตของเด็กๆ ด้วยโภชนาการที่ครบถ้วน

ขอบคุณทุกการสนับสนุน และความเชื่อมั่นในการทำงานเพื่อสร้างรากฐานการเติบโตของเด็กๆ

จบลงไปด้วยดีกับกิจกรรม FOOD FOR GOOD Fund Raising Charity Dinner การระดมทุนเพื่อสนับสนุนการทำงานของโครงการ FOOD FOR GOOD จัดขึ้นที่ โรงแรมรายาเฮอริเทจ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยได้รับเกียรติจากเชฟฟาง ณัฐพงศ์ หน่อชูเวช ร่วมกับ เชฟสมยศ ปกป้อง Curated Chef และทีมโรงแรม Raya Heritage จัดเซทเมนูอาหาร 6 คอร์สคู่กับไวน์ ให้ผู้ที่เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์ทานอาหารที่ดื่มด่ำ และอบอวลไปด้วยความอบอุ่น ที่ได้มาพบปะแลกเปลี่ยนเติมกำลังใจให้กัน และอิ่มเอิบใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานพัฒนาสังคม ที่ทุกคนอยากเห็นเด็กไทยเติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์พร้อมต่อการเรียนรู้

กิจกรรมครั้งนี้ได้รับเงินสนับสนุนทั้งสิ้น 127,600 บาท โครงการ FOOD FOR GOOD จะนำไปสร้างรากฐานการเติบโตของเด็กๆ ด้วยโภชนาการที่ครบถ้วน เพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงพร้อมรับอนาคตที่สดใส ตามเจตนารมณ์ของผู้ร่วมสนับสนุน.. เพื่อให้การช่วยเหลือครั้งนี้ไม่จบลงแค่เพียงหนึ่งมื้ออาหาร

 

โครงการ FOOD FOR GOOD ขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมนำความถนัดและความเชี่ยวชาญ มาร่วมกันทำให้งานนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี ทั้งการสนับสนุนสถานที่และงบประมาณการจัดงาน จากบริษัท พรีเมียร์ รีสอร์ทส์ แอนด์ โฮเทลส์ จำกัด และขอบคุณ Bangkok Airways  และ Bangkok Liquor ผู้ใหญ่ใจดีของพวกเรา ขอบคุณสื่อทุกท่านที่ร่วมถ่ายทอดเรื่องราว และขอบคุณผู้สนับสนุนทุกท่านที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ รวมถึงทุกๆ คนที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้โครงการ FOOD FOR GOOD เพื่อให้เด็กไทยได้มีโอกาสได้รับโภชนาการที่ดีต่อไป

มูลธินิยุวพัฒน์ชวนคนใจดีมอบอาชีพให้นักเรียนอาชีวะ กับโครงการ The Big Give… การให้อาชีพคือการให้ที่ยิ่งใหญ่

โครงการ The Big Give

มูลธินิยุวพัฒน์ชวนคนใจดีมอบอาชีพให้นักเรียนอาชีวะ
กับโครงการ The Big Give... การให้อาชีพคือการให้ที่ยิ่งใหญ่

ระบบ อาชีวศึกษา คือสายการเรียนที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการฝึกฝนทักษะให้ตรงกับอาชีพที่อยากทำ จบมาแล้วสามารถไปประกอบอาชีพจริงทันทีหลังจากเรียนจบเนื่องจากการเรียนสายอาชีพจะเน้นในเรื่องของวิชาชีพแต่ละชนิดโดยตรง  จึงเป็นเหตุผลที่เด็กขาดโอกาสหลายคนเลือกเรียน เพราะอยากรีบหารายได้เพื่อมาช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของครอบครัวโดยเร็ว แต่ยังมีเด็กอาชีวะจำนวนหนึ่งที่ขาดโอกาสในการเรียนต่อจนจบชั้น ปวช.3  และอาจทำให้พวกไม่สามารถประกอบอาชีพอย่างที่ต้องการได้  มูลนิธิยุวพัฒน์ เห็นถึงปัญหาและตระหนักถึงความสำคัญของการมีอาชีพของนักเรียนอาชีวะ จึงร่วมกับเทใจ และ  head100 ชวนผู้ใหญ่ใจดีร่วมมอบโอกาสทางอาชีพให้แก่นักเรียนอาชีวะ จำนวน 250 คน ให้ได้เรียนจบชั้น ปวช.3 เพื่อให้พวกเขาได้ประกอบอาชีพตามที่ตั้งใจไว้ และกลายเป็นกำลังสำคัญของแรงงานสายอาชีพให้กับประเทศไทยต่อไปผ่าน โครงการ The Big Give… การให้อาชีพคือการให้ที่ยิ่งใหญ่

วันนี้มีอดีตนักเรียนทุนสายอาชีพของมูลนิธิยุวพัฒน์ 3 ท่านได้มาเล่าประสบการณ์ในการเลือกเรียนสายอาชีพและความมุ่งมั่นที่พวกเขาทำเพื่อให้ทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จมาฝากเพื่อนชาวพรีเมียร์ค่ะ

น้องศิริพร อดีตนักเรียนทุนสายอาชีพ จบชั้น ปวช. 3 ประเภทวิชาคหกรรมสาขาอาหารและโภชนาการจังหวัดตรังตัดสินใจเรียนคหกรรมเพราะความชอบในการทำอาหารตั้งแต่เด็กอีกทั้งฐานะทางบ้านยากจนจึงคิดว่าการเรียนสายอาชีพน่าจะทำให้ได้ทำงานเร็วขึ้นและได้เดินสู่เส้นทางอาชีพตนเองฝันคือการมีร้านขนมเล็กๆเป็นของตัวเอง

หนูเลือกเรียนสายอาชีพเพราะจะได้จบทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวและทำตามฝันของหนูเร็วๆ ข้อดีของสายอาชีพคือหนูได้ลงมือปฎิบัติจริง ได้ประสบการณ์ อย่างตอนฝึกงานหนูเลือกไปฝึกที่ร้านทำขนมซึ่งก็ได้นำความรู้ที่เรียนมาใช้ประโยชน์ได้จริงค่ะ ขอบคุณมูลนิธิยุวพัฒน์ ที่ช่วยทำให้หนูมีโอกาสทางการศึกษา ให้หนูได้เรียนจบเพื่อให้หนูได้ไปทำความฝันของหนูให้เป็นจริงค่ะ

ไม่แตกต่างจาก น้องเกศินี อดีตนักเรียนทุนสายอาชีพ ที่จบชั้น ปวช. 3 สาขาพาณิชยกรรม/บริหารธุรกิจวิชาเอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจวิทยาลัยอาชีวศึกษาในจังหวัดนครปฐมเลือกเรียนสายอาชีพเพราะทำให้มีโอกาสได้งานมากกว่าทำให้รู้ว่าถนัดอะไรชอบอะไรจบมาแล้วจะทำงานอะไร

เรียนสายอาชีพได้ความรู้และได้ลงมือปฎิบัติจริงๆ ที่สำคัญทำให้มีงานหาเงินได้เร็วขึ้น  หนูเป็นคนที่ทำงานตั้งแต่ช่วงที่เรียน นำความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ที่เรียนมาหารายได้เสริมระหว่างเรียน การทำงานจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตหนูไปแล้ว และยิ่งเรียนจบและได้งานทำเร็วก็ยิ่งดีมาก ซึ่งหนูมาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะทุนการศึกษาจากทุกคน หนูตั้งใจใช้ความรู้ที่มี มาใช้ในการทำงานเก็บเงิน  เพราะต้องการเรียนต่อ อีกทั้งยังต้องส่งน้องเรียนหนังสือให้จบ รวมทั้งพ่อแม่ก็อายุมากขึ้น จึงจะต้องมีเงินสำรองเอาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลพ่อแม่หากเจ็บไข้ได้ป่วย

น้องสุภาพร อดีตนักเรียนทุนสายอาชีพ จบชั้น ปวช. 3 วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกมหานครสาขาอุตสาหกรรมวิชาเอกเครื่องมือกลและซ่อมบำรุงปัจจุบันทำงานบริษัทบรรจุภัณฑ์แห่งหนึ่ง

บอกว่าสาเหตุที่เลือกเรียนสายอาชีพ เพราะชอบงานช่างมาตั้งแต่เด็กๆ และที่สำคัญคือทำให้เรารู้เป้าหมายของตัวเองชัดเจนว่าต้องการทำอาชีพอะไร และสามารถหารายได้ได้จริงๆ เพราะเราต้องดูแลครอบครัวและส่งน้องๆ เรียนหนังสือ  การที่ได้มายืนตรงนี้ขอบคุณมูลนิธิยุวพัฒน์ที่เป็นส่วนสำคัญของชีวิตหนู  หนูเองจะมุ่งมั่นพัฒนาและหาความรู้ เพื่อส่งเสริมวิชาชีพการทำงานของตัวเองให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้นและมีอาชีพที่มั่นคงต่อไปในอนาคต

 

เรื่องราวของน้องๆ 3 คน ถือเป็นตัวแทนของกลุ่มเด็กๆ ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ต้องการทำงานเร็วเพื่อหารายได้ให้กับตัวเองและแบ่งเบาภาระครอบครัว  แน่นอนว่าโอกาสที่พวกเขาได้รับในวันนั้นจนทำให้มีวันนี้ มาจากการมีส่วนร่วมของทุกคนที่ช่วยสนับสนุนโครงการทุนการศึกษาของมูลนิธิยุวพัฒน์ โดยการมอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องให้กับเยาวชนขาดโอกาส ซึ่งในสายอาชีพ มูลนิธิฯ มอบทุนการศึกษาในระดับชั้น ปวช. 1 – ปวช. 3 โดยจะได้รับทุนต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี เทอมละ 7,000 บาท หรือ เท่ากับปีละ 14,000 บาท 

และเราทุกคนสามารถร่วมบริจาคทุนการศึกษาเพื่อเป็นการให้อาชีพแก่เด็กที่ขาดโอกาสได้ต่อยอดชีวิต ประกอบอาชีพตามที่ตั้งใจไว้ได้  ผ่านการร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาได้ที่มูลนิธิยุวพัฒน์

FOOD FOR GOOD
จัดงานอบรมพัฒนาศักยภาพครูโภชนาการ

FOOD FOR GOOD

FOOD FOR GOOD
จัดงานอบรมพัฒนาศักยภาพครูโภชนาการ รวม 56 โรงเรียน
เพื่อการดูแลภาวะโภชนาการที่ดีให้กับเด็ก

ประมวลภาพงานอบรมพัฒนาศักยภาพครูโภชนาการ โครงการ FOOD FOR GOOD ปีการศึกษา 2566 ในวันที่ 10-11 มิถุนายน 2566 ให้กับโรงเรียน
ในโครงการ FOOD FOR GOOD ทั้ง 56 โรงเรียน รวมผู้อำนวยการโรงเรียนและคุณครูกว่า 170 ท่าน

FOOD FOR GOOD เชื่อว่าคุณครูจะสามารถดูแลภาวะโภชนาการของนักเรียนในโรงเรียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นจะต้องได้รับการพัฒนาศักยภาพให้กับคุณครู โดยเสริมชุดความรู้ ดังนี้

  • การสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน Collective Vision
  • โภชนาการสำหรับเด็กวัยเรียน
  • การวางแผนเมนูอาหารกลางวันสำหรับเด็กวัยเรียน
  • เทคนิคการปรุงประกอบอาหารให้อร่อยและดีต่อสุขภาพ
  • สุขาภิบาลอาหาร
  • การชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง และโปรแกรมติดตามภาวะโภชนาการเด็ก
  • การดูและเด็กที่เสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการ
  • การสื่อสารเชิงบวกอย่างมีประสิทธิภาพ Effective Communication

โดยการอบรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักโภชนาการ กรมอนามัย นักกำหนดอาหาร คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และผู้เชี่ยวชาญเสริมความรู้โภชนาการ นักโภชนาการของโครงการ FOOD FOR GOOD ผู้เชี่ยวชาญเสริมทักษะที่จำเป็นให้กับครูอย่าง Teach For Thailand, Krungsri Consumer และ Raya Heritage ที่มาช่วยกันติดเครื่องมือเพื่อ ให้ครูนำไป ประยุกต์ ใช้ในการดูแลเด็กๆที่โรงเรียนของตนเองได้อย่างถูกต้อง

โคราชปันกัน

ขอบคุณทุกการแบ่งปันของนักปัน
ใจดีชาวโคราช โคราชปันกันจัดงาน
“ช้อป ฟิน กิน ปัน”

ช้อป ฟิน กิน ปัน

ขอบคุณทุกการแบ่งปันของนักปันใจดีชาวโคราช
โคราชปันกันจัดงาน “ช้อป ฟิน กิน ปัน”
ปล่อยของส่งน้องเรียน เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี
โคราชปันกัน ที่เดอะมอลล์โคราช

โดยภายในมีสินค้า ทั้งมือหนึ่ง มือสอง ของแบรนด์เนม ในราคาที่ย่อมเยานำมาจำหน่าย รวมทั้งมีการร่วมประมูลสินค้าพิเศษ
 ในราคาเริ่มต้นเพียง 500 บาท

พร้อมกิจกรรมฟินๆ และของอร่อยภายในงานมากมาย ทั้งสายมู สายปั้น สายวาด สายสอย สนุกกับ work shop ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ชมการแสดงดนตรี  และละครเวทีสอนใจ กิจกรรมสอยดาว เสี่ยงเซียมซี พร้อมปรึกษาปัญหาสุขภาพ และปรึกษด้านโชคชะตาและลายมือ

นอกจากนี้ยังมีนักปันใจดีที่ร่วมปันสิ่งของ ปันแรงกาย ปันความถนัด เพื่อเปลี่ยนเป็นทุนการศึกษา ให้กับเยาวชนที่ยังขาดโอกาสอีกด้วย

ซึ่งงานในครั้งนี้ ร้านปันกันโดย มูลนิธิยุวพัฒน์ สามารถระดมทุนได้ 82,730 บาท
เปลี่ยนเป็นทุนการศึกษาให้เด็กขาดโอกาสจำนวน 11 ทุน (ทุนละ 7,000 บาท/คน/ปี)

ขอขอบคุณทุกการแบ่งปัน เพื่อสร้างสังคมดีร่วมกัน

Partnership and Collaboration

กลไกความร่วมมือ “Partnership and Collaboration”

Partnership and Collaboration

กลไกความร่วมมือ “Partnership and Collaboration”
กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ร่วมขับเคลื่อน และ
สนับสนุนงานต่อต้านคอร์รัปชัน

การพัฒนากลไกความร่วมมือ “Partnership and Collaboration” เป็นสิ่งที่กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของภาคีในประเด็นทางสังคมด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงแต่การสนับสนุนเงินทุนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสนับสนุนในด้านอื่นๆ   เช่น บุคลากร ร่วมเป็นอาสาสมัครแบ่งปันเวลา สนับสนุนงานด้านการบริหารจัดการและให้คำแนะนำ   องค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ เพื่อเป้าหมาย สร้างตัวคูณพลังทางสังคม ขยายผลการสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ดีขึ้นด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)  เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่มีพันธกิจด้านการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ที่กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ร่วมสนับสนุนฯ มาโดยตลอด  เพื่อยกระดับการสร้างกลไกความร่วมมือ มุ่งหวังให้เกิดพลังทางสังคมขนาดใหญ่เพียงพอที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ

ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธ์วันนี้เป็นการเริ่มต้นที่ดี และจากนี้ไปจะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อหารืออย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้เห็นความก้าวหน้า และจะเปิดโอกาสให้ประชาชน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ เพื่อนำความหวัง ความไว้ใจ และความเชื่อมั่นกลับมา

คุณวิเชียร พงศธรความท้าทายของการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน คือ การเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ ภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ภาควิชาการ หน่วยงานองค์กรอิสระ หน่วยงานรัฐต่างๆ แต่ส่วนสำคัญอย่างยิ่งคือ บทบาทภาคประชาชน ซึ่งต้องไม่ใช่เป็นผู้รับบริการอย่างเดียว แต่ประชาชนต้องมีส่วนร่วม เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและแก้ไขปัญหา

ซึ่งได้มีการหารือพัฒนาการทำงานร่วมกัน ในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลเพื่อความโปร่งใส ผ่านเครื่องมือและกลไกต่างๆ เช่นการขับเคลื่อนโครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact : IP) เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมถึงขั้นตอนการขอใบอนุญาต การใช้ดุลยพินิจต่างๆ เพื่อนำมาสู่ความร่วมมือขนาดใหญ่ในการเฝ้าระวังและสร้างความโปร่งใสในกระบวนการทำงานของทุกส่วน

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ขอเชิญชวนพนักงานร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของภาคีในประเด็นทางสังคมด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมด้วยตัวเอง ผ่านการลงมือทำ เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ รวมพลังเพื่อเป็นพลเมืองที่ส่วนร่วมเพื่อส่วนรวม (Active Citizen) “ที่ต้องไม่ใช่เป็นผู้รับบริการอย่างเดียว แต่ต้องมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและแก้ไขปัญหา

ครบรอบ 30 ปี มูลนิธิยุวพัฒน์

ครบรอบ 30 ปี มูลนิธิยุวพัฒน์ ชวนทุกคนร่วมสร้างโอกาสให้กับเด็กและเยาวชน

ครบรอบ 30 ปี มูลนิธิยุวพัฒน์


ครบรอบ 30 ปี มูลนิธิยุวพัฒน์
ชวนทุกคนร่วมสร้างโอกาสให้กับเด็กและเยาวชน

30 ปีก่อน มูลนิธิยุวพัฒน์ได้เริ่มต้นช่วยเหลือเด็กและเยาวชนขาดโอกาส จากงานสนับสนุนทุนการศึกษา ด้วยความเชื่อว่า การศึกษาคือรากฐานของการพัฒนา และเด็กไทยทุกนควรได้รับโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ปัจจุบันมูลนิธิยุวพัฒน์ได้ขยายบทบาทการเป็นตัวกลาง เชื่อมต่อความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายและภาคส่วนต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนขาดโอกาสในมิติอื่นๆ เพิ่มขึ้น ได้แก่ พัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัย ดูแลภาวะโภชนาการ พัฒนาเครื่องมือการเรียนการสอนในโรงเรียน  เสริมสร้างทักษะชีวิต รวมถึงการสร้างคนดีเพื่อเติบโตเป็นกำลังสำคัญกับประเทศ

เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี มูลนิธิยุวพัฒน์ เชิญชวนภาคีทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองการทำงาน และแนวทางความร่วมมือที่จะช่วยเหลือเด็กขาดโอกาส โดยมีภาคีร่วมจัดงานคือ โครงการพัฒนาเด็กปฐมวัยแบบบูรณาการโดยยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง (ICAP)  โครงการฟู้ด ฟอร์ กู๊ด, Learn Education  ห้องเรียนดิจิทัลวิทย์คณิต, a-chieve การพัฒนาครูแนะแนวรุ่นใหม่และเครื่องมือที่ช่วยให้เด็กไทยออกแบบชีวิตตนเองได้, Winner English ห้องเรียนดิจิทัลวิชาภาษาอังกฤษ, Teach for Thailand  ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง, โครงการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม และ โครงการร้านปันกัน

คุณวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการมูลนิธิยุวพัฒน์ เล่าว่าเป้าหมายสูงสุดของมูลนิธิยุวพัฒน์ คือ   การสร้างความร่วมมือ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ ลดความเหลื่อมล้ำของระบบการศึกษา เพื่อให้เด็กขาดโอกาสได้เรียนหนังสือ ได้รับการดูแลรอบด้าน มูลนิธิยุวพัฒน์จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อความร่วมมือจากภาคี พัฒนาเครื่องมือต่างๆ ที่มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมได้ตามความถนัด 

ความร่วมมือของภาคเอกชนเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนขาดโอกาส 

คุณแม่ทัพ . สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) เล่าว่า ได้เริ่มต้นจากแคมเปญ Limited Education จำหน่ายขนมปังเนยสด และสะกดผิดเป็นขนมปังเนยโสดสร้างความตระหนักปัญหาของเด็กไทยที่อ่านเขียนไม่ได้ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก และมีแคมเปญต่อเนื่อง เป็นการทำงานช่วยเหลือสังคมที่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจ และทีมงานก็ร่วมพัฒนาโปรเจกต์กับยุวพัฒน์เป็นการทำงานแบบร่วมกันคิด ร่วมกันทำ เพราะหากเราสามารถพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ภาคเอกชนก็จะได้คนที่มีคุณภาพ ช่วยทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตและก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน

คุณสุจารี ตามครองชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและเทคโนโลยี บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด ได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญกับ FOOD FOR GOOD ขับเคลื่อนงานเพื่อโภชนาการเด็กไทย โดยตั้งต้นจากการทำความเข้าใจปัญหาและพัฒนาแคมเปญ โดยใช้ความถนัดขององค์กร มาพัฒนานวัตกรรม สร้างแอพพลิเคชั่นติดตามภาวะโภชนาการเด็ก และแคมเปญการระดมทุนผ่านบัตรเครดิต สร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มลูกค้าของกรุงศรีคอนซูมเมอร์  ซึ่งสิ่งสำคัญคือ การได้แบ่งปันองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญของแต่ละองค์กรเพื่อสร้างสังคมให้ดีขึ้น และตรงกับแนวคิดองค์กรในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และการมีธรรมาภิบาล (ESG)

คุณวุฒิ วิพันธ์พงษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารความยั่งยืนทางธุรกิจและสิ่งแวดล้อม บริษัท  แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เราให้ความสนใจกับกิจกรรมกับปันกัน เพราะเห็นว่าทางปันกันมีกระบวนการทำงานที่เข้มแข็ง ทำให้เราสร้างความร่วมมือได้อย่างรวดเร็ว และเป้าหมายการระดมทุนของปันกันก็ตรงกับ AssetWise ที่ให้ความสำคัญกับด้านการศึกษา นอกจากนี้การให้พื้นที่ตั้งกล่องปันกัน ก็เป็นการสร้างความสุขให้กับลูกบ้าน พนักงาน ที่ได้ร่วมแบ่งปันสิ่งของ และยังเป็นการช่วยด้านสิ่งแวดล้อม ในการลดปริมาณขยะจากสิ่งของสภาพดีที่ตนไม่ได้ใช้แล้ว จึงเป็นโมเดลที่สมบูรณ์ทั้งด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และธุรกิจ

ความร่วมมือจากภาครัฐ พร้อมเชื่อมต่อการทำงานกับทุกภาคส่วน

ภายในงาน ยังมีภาครัฐที่มาร่วมสะท้อนมุมมองของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและเห็นตรงกันว่าต้องสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสังคม โดยสภาการศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

คุณสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการสภาการศึกษา มองว่า ภาครัฐให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเด็กหลุดระบบการศึกษามาโดยตลอด มีโครงการเพื่อสนับสนุนเด็กมากมาย เช่น โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครอบครัวยากจน 2,000 บาทในสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา  โครงการเรียนสายอาชีวศึกษาเพื่อให้เด็กได้ทำงาน มีอาชีพ และมีรายได้ระหว่างเรียน โครงการเด็ก 1 คน 1 ชุมชนดูแล ให้คนที่มีศักยภาพในชุมชน มีความพร้อมที่จะพัฒนาการศึกษาต่อไปในอนาคต และอีกมากมาย แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อจำนวนเด็กขาดโอกาสที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การสร้างความร่วมมือให้ภาคส่วนอื่นเข้ามาช่วยเหลือจึงมีความสำคัญ

คุณพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ สพฐ. เล่าถึงบทบาทของ สพฐ. ว่าเด็กทั่วประเทศอยู่ในความดูแลของ สพฐ. จำนวน 6 ล้านคน 30,000 โรงเรียน ขณะที่เด็กไทยเข้าไม่ถึงการศึกษา และตกหล่นราว 70,000 คน การแก้ปัญหาการศึกษาจึงจำเป็นต้องเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่มีความพร้อมและสนับสนุนการทำงาน เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไปด้วยกัน

 

จากวันที่ได้รับโอกาสในวันนั้นเป็นฉันในวันนี้

แขกคนสำคัญในงานครบรอบ 30 ปี มูลนิธิยุวพัฒน์อีกกลุ่มหนึ่ง คือตัวแทนผู้ที่ได้รับโอกาสอดีตนักเรียนทุนยุวพัฒน์” … จากวันแรกที่ได้รับโอกาสสานต่อความฝันและเปลี่ยนแปลงชีวิต จนมาถึงวันนี้กับความตั้งใจในการส่งต่อโอกาสให้กับน้องๆ รุ่นต่อไป  และคำขอบคุณที่พวกเขาอยากสื่อไปถึงคุณโอกาสทุกท่าน 

รู้สึกภูมิใจและดีใจที่ได้เป็นนักเรียนทุนรุ่นแรกในครอบครัวยุวพัฒน์ อยากบอกว่าการศึกษามีความสำคัญมากๆ กับเยาวชนไทยทุกคน มีส่วนในการกำหนดอาชีพของเด็กในอนาคต และพร้อมในการเป็นพลเมืองที่ดีมีความรู้คู่คุณธรรม ขอขอบคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่านที่ให้โอกาสเด็กคนหนึ่งในวันนั้น และได้โอกาสมาเล่าเรื่องดีๆ ในวันนี้จันจีรา โสะประจิน อดีตนักเรียนทุนยุวพัฒน์ รุ่นที่ 1 .สตูล ปัจจุบันเป็น นักวิชาการส่งเสริมการลงทุนชำนาญการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

ในวันนั้นหนูเรียนอยู่ ป.6 ไม่มีโอกาสเรียนต่อเรียนต่อในระดับมัธยม แต่โอกาสจากมูลนิธิยุวพัฒน์และผู้ใหญ่ใจดีทำให้หนูได้เรียนต่อจนจบ ม.6 หนูอยากเป็นคุณครูเพราะอยากส่งมอบโอกาสให้คนอื่นๆ เหมือนวันนั้นที่หนูเคยได้รับจากมูลนิธิยุวพัฒน์ ขอสัญญาว่าหนูจะเป็นคุณครูและสร้างโอกาสให้เด็กๆ ต่อไปเกศรา กล้าหาญ อดีตนักเรียนทุนยุวพัฒน์ .ลพบุรี ปัจจุบัน นักศึกษา สาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ ชั้นปีที่ 3

เส้นทางของหนูไม่ได้เรียบหรูและสุขสบายเหมือนคนอื่นๆ มีคุณย่าเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้หนูตั้งเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน มีคุณครู และพี่ๆ มูลนิธิยุวพัฒน์ ชี้แนะแนวทางในการแก้ปัญหา และเป็นกำลังใจสำคัญของหนูมาตลอดค่ะ แม้วันนี้หนูจะยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่สัญญาว่าจะทำหน้าที่ของครูที่ดีในอนาคตเพื่อตอบแทนมูลนิธิยุวพัฒน์ให้ได้บัวชมพู พวงสิน  อดีตนักเรียนทุนยุวพัฒน์ จ.ชลบุรี ปัจจุบัน นักศึกษา สาขาคณิตศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ ชั้นปีที่ 4

พ่อแม่ปู่ย่าตาทวดพวกเรามีอาชีพทำนา รายได้ที่หามาได้ไม่เพียงพอที่จะส่งลูกเรียน พอได้รับทุนทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องตั้งใจเรียนนะ จะได้มีโอกาสเรียนต่อสูงขึ้น ตอนนี้เราทำงานแล้ว ก็อยากตอบแทนคืนให้กับสังคมบ้าง เพราะเราเองก็ได้รับโอกาสจากมูลนิธิฯ เลยเริ่มต้นด้วยการบริจาครายเดือนกับมูลนิธิยุวพัฒน์ จนถึงตอนนี้ก็เกือบจะ 8 ปีแล้ว อยากเชิญชวนทุกๆ ท่านมาร่วมด้วยช่วยมูลนิธิยุวพัฒน์ของเราต่อไปอรปวีย์ สีทอง อดีตนักเรียนทุนยุวพัฒน์ จ.อำนาจเจริญ ปัจจุบัน วิศวกรอาวุโส  บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT

ขอขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกๆ ท่าน องค์กรทุกๆ องค์กรที่ได้มอบโอกาสให้กับพวกเราได้ทำตามความฝันของตัวเอง และในวันนี้ความฝันของพวกเราเป็นจริงแล้ว หลายๆ คนกลับมาเป็นผู้ให้ มอบทุนการศึกษาให้กับรุ่นน้อง  เป็นอาสาสมัครให้กับมูลนิธิฯ เพราะหวังว่าน้องๆ จะได้มีโอกาสเดินตามความฝันเหมือนกับตัวเอง ทั้งหมดเกิดจากทุกๆ ท่านได้มอบสิ่งที่มีค่ามากๆ ให้กับพวกเรา นั่นก็คือ โอกาสทางการศึกษาอดิศักดิ์ สุดสาว อดีตนักเรียนทุนยุวพัฒน์ จ.เลย ปัจจุบัน หัวหน้างานกราฟฟิค บริษัทเอกชน

เพราะการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เป็นปัญหาขนาดใหญ่ จำเป็นต้องอาศัยพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สร้างกระบวนการมีส่วนร่วม และการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการพัฒนาให้เด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาสเติบโตเป็นกำลังสำคัญ ที่จะพัฒนาสังคมและประเทศต่อไป

This site is registered on wpml.org as a development site.