ทาโร จับมือ ไปรษณีย์ไทย–PTG–SLEEK EV เปิดแคมเปญ ‘ทาโร รักษ์โลก โชคเด้ง’

ทาโร จับมือ ไปรษณีย์ไทย–PTG–SLEEK EV เปิดแคมเปญ ‘ทาโร รักษ์โลก โชคเด้ง’
เดินหน้า Circular Economy ลดขยะกว่า 1,000 ตัน/ปี
เปลี่ยนซองพลาสติกเป็นพลังงานสะอาด

จากที่ผ่านมาการกำจัดขยะพลาสติกจะใช้วิธีการฝังกลบ ซึ่งต้องใช้เวลาในการย่อยสลายนานหลายสิบปีกว่าพลาสติกเหล่านี้จะสลายตัว  ดังนั้นการบริหารจัดการขยะพลาสติกอย่างถูกต้อง ควรต้องเริ่มตั้งแต่จุดเริ่มต้น ด้วยพฤติกรรมการแยกขยะและสร้างความร่วมมืออย่างจริงจังบริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวปลาสวรรค์ทาโร จับมือพันธมิตรหลัก ได้แก่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สลีค อีวี จำกัด เปิดตัวแคมเปญ “ทาโร รักษ์โลก โชคเด้ง” ชวนคนไทยร่วมส่งคืนซองเปล่าทาโร เพื่อกำจัดอย่างถูกวิธี เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล นำไปแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงผลิตพลังงานไฟฟ้า ทดแทนอุตสาหกรรมการใช้ถ่านหิน พร้อมสิทธิ์ลุ้นรางวัลรวมมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 – 31 มกราคม 2569

คุณวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ กล่าวว่า “ปัญหาขยะพลาสติกและภาวะโลกร้อนเป็นวิกฤติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และภาคธุรกิจต้องแสดงความรับผิดชอบต่อห่วงโซ่คุณค่าอย่างจริงจัง แคมเปญ ‘ทาโร รักษ์โลก โชคเด้ง’ จึงเป็นพันธกิจสำคัญในการจัดการซองทาโรที่ย่อยสลายยาก กลับมาเปลี่ยนเป็นพลังงานสะอาด โดยจับมือพันธมิตรที่มีเป้าหมายและความมุ่งมั่นร่วมกัน นำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์จากหลากหลายธุรกิจมาบูรณาการ ซึ่งโครงการนี้สามารถช่วยลดขยะฝังกลบได้กว่า 1,000 ตันต่อปี ผลิตไฟฟ้าได้ 2.4–3.0 กิกะวัตต์ชั่วโมง เพียงพอต่อการใช้งานของ 667–833 ครัวเรือน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 2,000 ตัน CO₂e โดยเราเชื่อว่าโครงการนี้ไม่เพียงช่วยจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างการตระหนักรู้ ปลูกฝังพฤติกรรมการคัดแยกขยะ และต่อยอดความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน”

ด้าน ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า
ตลอด 142 ปี ไปรษณีย์ไทยทำหน้าที่ส่งต่อความสุข ความสำเร็จให้คนไทย และมุ่งมั่นส่งต่อโลกที่น่าอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไปด้วย โดยไปรษณีย์ไทยมุ่งดำเนินงานด้าน Circular Economy ผลักดันโครงการ Green Hub ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร อาทิ โครงการ reBOX โครงการ reBAG โครงการ e-Waste ฯลฯ ช่วยด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดการขยะ (Waste) ประเภทต่างๆ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการจัดการและแปรรูปอย่างสมดุลต่อไป ซึ่งการร่วมมือในแคมเปญนี้จึงเป็นการส่งพลัง อีกก้าวสำคัญจากทุกคนมารวมกัน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานของไปรษณีย์ไทยและศักยภาพด้านเครือข่ายและระบบโลจิสติกส์ ที่ครอบคลุมทั่วประเทศเป็นจุดรวบรวมและส่งต่อซองทาโรเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ซึ่งไม่เพียงช่วยลดขยะพลาสติก แต่ยังสร้างคุณค่าทางสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม

คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “PTG มุ่งเติบโตควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม ภายใต้กลยุทธ์ 3Re – Reduce, Reforest, Readjust Portfolio เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและขับเคลื่อนสู่พลังงานสะอาด ความร่วมมือในโครงการ ‘ทาโร รักษ์โลก โชคเด้ง’ เป็นอีกตัวอย่างสำคัญที่นำซองขนมที่ย่อยสลายยากเข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างเป็นระบบและแปรรูปเป็นขยะเชื้อเพลิง RDF (Refuse-Derived Fuel) ตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ซึ่งสะท้อนบทบาทของ PTG ในการใช้ความเชี่ยวชาญด้านพลังงานเพื่อสร้างคุณค่าร่วมทั้งต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ ตอกย้ำวิสัยทัศน์อยากเห็นคนไทย ‘อยู่ดี มีสุข’ และการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง”

ในส่วนของ คุณกันตินันท์ ตันวีนุกูล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สลีค
อีวี จำกัด
กล่าวว่า “SLEEK EV เชื่อว่าความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมไม่ใช่ทางเลือก แต่คือรากฐานของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เรามุ่งมั่นสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutral ภายในปี 2030 ผ่านการพัฒนานวัตกรรมระบบยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร (Full-stack EV Ecosystem) ที่ช่วยลดมลพิษและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การเข้าร่วมแคมเปญนี้ จึงเป็นการตอกย้ำยอดพันธกิจของเราในการสนับสนุนการนำเทคโนโลยีมาช่วยจัดการขยะพลาสติกให้เกิดประโยชน์สูงสุด ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหาร โลจิสติกส์ พลังงาน หรือยานยนต์ไฟฟ้า ต่างสามารถร่วมกันสร้างสังคมที่สะอาด ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และขับเคลื่อนโลกไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนได้จริง”

นอกจากนี้ยังมีสองนักแสดงสายกรีน “นุ่น–ท็อป” ร่วมชวนคนไทยส่งคืนซองทาโรผ่านแคมเปญ ฯ โดยท็อป–พิพัฒน์ เผยว่า “ทุกวันนี้คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเลือกสนับสนุนแบรนด์ที่มีเป้าหมายด้านความยั่งยืน ซึ่งแคมเปญนี้เป็นแคมเปญที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ง่าย ๆ เพียงแค่เก็บซองทาโรที่เราบริโภคและส่งคืนกลับทางไปรษณีย์ ก็สามารถช่วยลดขยะและรีไซเคิลได้จริง”
นุ่น–ศิรพันธ์ เสริมว่า “สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของทุกคน และทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ง่าย ๆ สำหรับแคมเปญนี้เป็นการสื่อสารกับทุกๆคน ที่สามารถสร้างให้เกิดการเปลี่ยนเปลงจากสิ่งเล็ก ๆ ได้ ถ้าทุกคนช่วยกัน ก็กลายเป็นพลังมหาศาลที่เปลี่ยนโลกได้จริง และยังเปลี่ยนเป็นพลังบวกให้สังคมและโลกอีกด้วย”

ทาโร นอกจากเป็นขนมขบเคี้ยวที่ให้โปรตีนสูง มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์  ทุกวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสามารถตรวสอบย้อนกลับได้ แคมเปญนี้สะท้อนถึงพันธกิจในการรับผิดชอบและสร้างคุณค่าทางสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างความร่วมมือ ควบคู่ไปกับการชวนให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างสร้างสรรค์ผ่านการรีไซเคิลซองทาโรเข้าสู่กระบวนการผลิตพลังงานไฟฟ้า ทดแทนการใช้ถ่านหิน พร้อมทั้งผลักดันธุรกิจให้เติบโตบนรากฐานของความยั่งยืนอย่างแท้จริง

แคมเปญ “ทาโร รักษ์โลก โชคเด้ง” ชวนผู้บริโภคร่วมลดปัญหาขยะพลาสติกได้ง่าย ๆ เพียงรวบรวมซองทาโรรสชาติใดก็ได้ ขนาดหรือราคาเดียวกัน รวมมูลค่าตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไปได้ 1 สิทธิ์ ไม่จำกัดสิทธิ์ต่อการส่ง 1 ครั้ง แล้วส่งผ่านไปรษณีย์ไทยทั่วประเทศ พร้อมใช้ Tracking Slip เป็นหลักฐานการร่วมกิจกรรม โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 – 31 มกราคม 2569 แล้วมาร่วมลุ้นของรางวัลทุกเดือน รวมมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท อันได้แก่  iPhone 16 Pro จำนวน 60 เครื่อง, iPad Air 11 นิ้ว จำนวน 60 เครื่อง, รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า SLEEK EV จำนวน 60 คัน และรางวัลใหญ่ รถยนต์ไฟฟ้า Volvo รุ่น EX30 จำนวน 6 คัน
(*จำกัดสิทธิ์ 1 ท่านต่อ 1 รางวัล และหากได้รับมากกว่า 1 รายการ จะได้รับเพียงรางวัลที่มีมูลค่าสูงสุด
**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
)

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม และการประกาศผู้โชคดีแคมเปญได้ทาง www.taroraklok.com

 

“Power Fish”   ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงสำหรับพืช จากการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า สู่ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน

“Power Fish” ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงสำหรับพืช
จากการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า สู่ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน
โดยบริษัท พรีเมียร์ แคนนิ่ง อินดัสตรี้ จำกัด

วันนี้โลกของเราทรัพยากรต่าง ๆ เริ่มลดลง ความต้องการใช้ทรัพยากรสวนทางยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนวทางเรื่องการสร้างความยั่งยืนไม่ใช่เพียงแค่ลดการใช้เพียงเอย่างเดียว  แต่คือการใช้ทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด

จากแนวคิด “ความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน”  สู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ Power Fish  น้ำสกัดปลาทะเลน้ำลึกเข้มข้น  เพื่อเป็น ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงสำหรับพืช  โดยบริษัท พรีเมียร์ แคนนิ่ง อินดัสตรี้ จำกัด มุ่งมั่นในการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า โดยนำส่วนเหลือจากกระบวนการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง เช่น หัวปลา หนัง ก้าง และไส้ ซึ่งยังเปี่ยมด้วยคุณค่าทางอาหาร มาต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ “Power Fish” น้ำสกัดจากปลาทะเลน้ำลึกเข้มข้น ที่เหมาะสำหรับพืชทุกชนิด โดยการแปรรูปวัตถุดิบเหลือใช้ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์อินทรีย์ ที่ไม่เพียงช่วยลดของเสียและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการสร้าง “คุณค่าใหม่” จากของที่เหลือจากกระบวนการผลิต เกิดเป็นวงจรการผลิตที่ครบถ้วน คุ้มค่า และยั่งยืน

Power Fish จึงไม่ใช่แค่ปุ๋ยอินทรีย์ แต่คือผลของการคิดอย่างถี่ถ้วนรอบด้าน เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดและความคุ้มค่าจากทุกทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อให้เกิดคุณค่าใหม่ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร ชุมชน และสังคม

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ Power Fish ใส่ใจในคุณภาพด้วยการผลิตที่ปลอดภัย ไม่ใช้สารเคมี ควบคู่กับการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ ผ่านการรับรองด้วย มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ IFOAM เท่าเทียมกับสหภาพยุโรปจากสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์

  • อุดมด้วยสารอาหารหลักครบถ้วนทั้ง ไนโตรเจน (N), ฟอสฟอรัส (P) และ โพแทสเซียม (K) เพื่อการเจริญเติบโตของพืช
  • มีฮอร์โมนธรรมชาติ เพิ่มผลผลิตให้กับพืชโตเร็วและให้ผลผลิตดี
  • ผสมผสานด้วย จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เสริมสร้างภูมิต้านทานโรคพืช
  • อุดมไปด้วย กรดอะมิโนมากกว่า 14 ชนิด กระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช
  • ใช้วัตถุดิบปลาทูน่าคุณภาพสูง มี แหล่งที่มาตรวจสอบได้ มั่นใจได้ในทุกขั้นตอนการผลิต
  • ปราศจากสารเคมี 100% ปลอดภัยต่อพืช ผู้ใช้งาน และสิ่งแวดล้อม
  • มีความเข้มข้นสูง สามารถ เจือจางได้ 200–1,000 เท่า ใช้งานง่ายและปรับความเหมาะสมได้ตามชนิดของพืช

ส่วนประกอบของ Power Fish

  • เศษปลาทูน่า – ปลาทูน่าที่มาจากมหาสมุทร ที่มาจากการประมงที่ถูกกฎหมาย เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า และควรนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • จุลินทรีย์ที่ดี – ถูกคัดสรรเพื่อช่วยให้กระบวนการหมักที่เหมาะสม ไม่ผ่านการดัดแปลงทางพันธุกรรม (Non-GMO)
  • กากน้ำตาล – แหล่งพลังงานสำหรับจุลินทรีย์ เพิ่มกลิ่นหอมให้กับผลิตภัณฑ์
  • น้ำ –เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการหมักให้ย่อยสลายได้เร็ว

สอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมโทร : 098-451-9442

ความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการน้ำและพลังงานอย่างยั่งยืน ครบรอบ 50 ปี บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน)

ความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการน้ำและพลังงานอย่างยั่งยืน
ครบรอบ 50 ปี บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน)

“ทรัพยากรน้ำและพลังงานมีอยู่อย่างจำกัด และอาจหมดไปหากใช้อย่างไม่รู้คุณค่า จึงควรมีการบริหารจัดการใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อใช้งานทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวปฏิบัติความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ โดยตระหนักว่าทรัพยากรธรรมชาติเป็นปัจจัยพื้นฐานของการดำเนินชีวิต บริษัทจึงมุ่งมั่นในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การลดของเสีย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิตและกิจกรรมขององค์กร 

บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน) เชื่อว่า “การที่มนุษย์มีทรัพยากรทั้งน้ำสะอาด และพลังงานใช้ในการดำรงชีวิตอย่างเพียงพอ จะส่งผลให้มนุษย์มีคุณภาพชีวิตที่ดี และจะต้องบำบัดน้ำที่ผ่านการใช้งานให้ได้มาตรฐานความสะอาดก่อนปล่อยสู่ธรรมชาติเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รักษาระบบนิเวศ และมีความรับผิดชอบ” เป็นสิ่งที่บริษัทยึดถือและใช้ความเชี่ยวชาญเพื่อร่วมแก้ปัญหาสังคม ทั้งการบำบัดน้ำ การผลักดันให้ใช้พลังงานสะอาดทดแทนเพื่อลดปัญหาโลกร้อน รวมถึงการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพให้กับบุคลากรและผู้ประกอบการ  

ในปี 2568 นี้ บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ ครบรอบการก่อตั้ง 50 ปี ตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำและพลังงานสะอาดครบวงจรในระดับสากล ด้วยจุดแข็ง 4 ด้านคือ ผู้เชี่ยวชาญ – นวัตกรรม – คุณภาพ – ความยั่งยืน ด้วยแนวคิด “Brighten the future จุดประกาย อนาคตที่ยั่งยืน” 

ด้วยจุดแข็งของการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำและพลังสะอาดแบบครบวงจร (Total Solution Provider) ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย (Industrial Expert) ทำให้บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์พร้อมให้ความรู้ด้านสินค้าและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เพื่อดำเนินธุรกิจร่วมกับคู่ค้าด้วยความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล

นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมสินค้าและโซลูชั่นที่หลากหลายตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้า รวมถึงงานผลิตและวิจัยที่มีสิทธิบัตรรับรองและคิดค้นรายแรกในไทย ด้วยสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างความร่วมมือกับคู่ค้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์กับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย

รวมไปถึงความใส่ใจในคุณภาพการผลิตสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ มุ่งเน้นการส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน ชุมชน และสังคม และความใส่ใจต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมขององค์กร สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ในการสร้างความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน 

บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ พร้อมขยายแนวปฎิบัติทางธุรกิจ เพื่อสร้างความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภายในองค์กร ชุมชนโดยรอบ และภาคีเครือข่ายต่าง ๆ  พร้อมทั้งมองหาแนวทางใหม่ ๆ ที่จะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ผ่านกิจกรรมการสื่อสาร และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย และพร้อมปรับตัวสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคต

“กาแฟมีวนา” กับภารกิจฟื้นฟูป่าเชียงรายอย่างยั่งยืน

“กาแฟมีวนา”
กับภารกิจฟื้นฟูป่าเชียงรายอย่างยั่งยืน

ในทุกแก้วของ กาแฟมีวนา ไม่ได้มีแค่รสชาติหอมกลมกล่อมจากเมล็ดกาแฟอินทรีย์เท่านั้น  แต่ยังมี “ความตั้งใจ” ที่รักษาผืนป่าต้นน้ำของเชียงรายไว้อย่างยั่งยืน ผ่านการทำงานร่วมกับชุมชน เกษตรกร และภาครัฐในพื้นที่ ทั้งในรูปแบบของ “การป้องกันไฟป่า” และ “การฟื้นฟูพื้นที่ป่า”

กิจกรรมร่วมมือสู้ไฟป่า! พลังของชุมชนเพื่อปกป้องผืนป่าเชียงราย เพราะมีวนาเชื่อว่าการจัดการไฟป่าไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็น “ภารกิจของทุกคน” โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยและพึ่งพาป่าอย่างใกล้ชิด 

ปี 2568 นี้ “มีวนา” ร่วมกับ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกาแฟอินทรีย์รักษาป่า จาก 7 หมู่บ้าน ใน 3 อำเภอของเชียงราย ได้แก่ เวียงป่าเป้า, แม่สรวย และเมืองเชียงราย ร่วมกันทำแนวกันไฟ – ลาดตระเวนเฝ้าระวัง เพื่อปกป้องผืนป่าต้นน้ำที่เป็นแหล่งต้นทางของทรัพยากรน้ำและชีวิต

โดยเป้าหมายปี 2568

– ทำแนวกันไฟ 40 กิโลเมตร
– ลาดตระเวนไฟป่า 400 กิโลเมตร

 ผลการดำเนินการ (ณ พ.ค. 2568)

-ทำแนวกันไฟแล้ว 34.90 กม.
-ลาดตระเวนไฟป่าแล้ว 520.55 กม.
รวมระยะทางปกป้องป่าแล้วกว่า 555.45 กิโลเมตร

และเพราะการดูแลป่าต้นน้ำให้ยั่งยืน ไม่ได้มีแค่การปกป้องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฟื้นฟูอีกด้วยค่ะ ในช่วงฤดูฝนของทุกปี “มีวนา” และพี่น้องเกษตรกรเดินหน้าต่อเติมความเขียวให้ผืนป่า กับกิจกรรมปลูกป่า บวชป่า มีกาแฟ มีวนาเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัว และเติบโตอย่างแข็งแรงอีกครั้ง

กาแฟมีวนาและเกษตรกรใน 7 หมู่บ้านจะร่วมกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ จัดกิจกรรม “ปลูกป่าในสวนกาแฟ” เพิ่ม ไม้ยืนต้น ให้ร่มเงา ช่วยพืชกาแฟเติบโตดีขึ้นและยังเพิ่ม ความหลากหลายทางชีวภาพ ให้พื้นที่ป่าอีกด้วย  โดยปีนี้จัดที่ บ้านห้วยไคร้ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงรายพื้นที่ป่าต้นน้ำที่คงความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก  โดยแจกจ่ายต้นกล้าแก่เกษตรกรใน 7 หมู่บ้าน จำนวน11,500 ต้น ซึ่งสถิติการปลูกตลอด 11 ปีที่ผ่านมาของมีวนา รวม  153,488 ต้น ที่ชาวมีวนาปลูกคืนผืนป่าต้นน้ำ

ในปี 2569 ที่จะถึงนี้ เราตั้งเป้าจะ “ปลูกต้นไม้เพิ่มอีก 10,000 ต้น”เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ “ปลูกต้นไม้ ปลูกใจรักป่า” ไปพร้อมกันกิจกรรมจากชาวมีวนา เกิดขึ้นจากความร่วมแรงร่วมใจของ พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่, ทีมส่งเสริมจากมีวนา, ภาครัฐ เอกชน  รวมถึง “คุณ” ผู้สนับสนุนกาแฟ    มีวนาทุกคน ที่ต้องการรักษาผืนป่าเชียงรายไว้อย่างยั่งยืน

 

DCS  แบ่งปันมุมมองด้านความปลอดภัย การเข้าถึงข้อมูล ในยุคดิจิทัล

DCS แบ่งปันมุมมองด้านความปลอดภัย
การเข้าถึงข้อมูล ในยุคดิจิทัล

เมื่อโลกธุรกิจเคลื่อนสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ “ความมั่นคงทางไซเบอร์” กลายเป็นสิ่งที่องค์กรต้องให้ความสำคัญมาก เพราะเป็นความไว้วางใจที่องค์กรต้องสร้างให้กับทุกคนในห่วงโซ่โดยเฉพาะกับพันธมิตรธุรกิจและลูกค้า

บริษัท ดาต้าโปร คอมพิวเตอร์ ซิสเต็มส์ จำกัด (DCS) Datapro Computer Systems Co., Ltd. ร่วมแบ่งปันมุมมองและแนวทางการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ในงาน Palo Alto Networks: Ignite on tour Thailand 2025 ภายใต้หัวข้อ Enterprise Workspace (PAB + Prisma Access) โดยมุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจประกันภัย ที่มีความจำเป็นและต้องให้ความสำคัญในการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน

การร่วมงานครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของ DCS ในการเสริมสร้างความปลอดภัยสำหรับการเข้าถึงข้อมูล พร้อมทั้งยังได้ร่วมอัพเดทถึงแนวโน้มล่าสุดในโลกไซเบอร์จากผู้เชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity และนวัตกรรม AI ที่ช่วยยกระดับการป้องกันภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ในการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของธุรกิจในยุคดิจิทัลทุกวันนี้ DCS สามารถสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้าและลูกค้าในการสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยด้านข้อมูลดิจิตัลในทุกมิติ พร้อมให้บริการและโซลูชันที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกภาคส่วน ตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของตลาด เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตอย่างยั่งยืน

DCS มุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรที่สร้างความน่าเชื่อถือ มอบบริการที่รับมือกับเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ธุรกิจของคู่ค้าขับเคลื่อนด้วยความมั่นใจ ดูข้อมูลของ DCS เพิ่มเติมที่ www.facebook.com/datapro.co.th

พรีเมียร์ อินโนว่า ยกระดับสมุนไพรไทย สู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพด้วยนาโนเทคโนโลยี

พรีเมียร์ อินโนว่า ยกระดับสมุนไพรไทย สู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมกับเทคโนโลยีนาโน

ประเทศไทยอุดมไปด้วยสมุนไพรอันทรงคุณค่า บางชนิดเราเคยเห็นกันอย่างคุ้นชินจนอาจเคยมองข้าม แต่ทราบไหมว่าสมุนไพรไทยของเราหลายชนิดเป็นของวิเศษในวงการสุขภาพและความงาม

พรีเมียร์ อินโนว่า ได้เปลี่ยนสมุนไพรไทย อาทิ เก็กฮวยป่า  ขมิ้นชัน หอมแดง และเปเปอร์มินต์ มะแขว่น และสมุนไพรไทยอีกมากมาย ให้เป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมนาโนที่มีมูลค่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผู้บริโภค  ในรูปแบบอาหารเสริม, เครื่องสําอางและเวชสําอางรูปแบบต่างๆ ที่ผ่านการผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมกับเทคโนโลยีนาโนที่ทันสมัย เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผู้บริโภค เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตดีขึ้น

นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากการวิจัยและเทคโนโลยีนาโนแล้ว ยังถ่ายทอดองค์ความรู้ ขยายแนวคิดการยกระดับสมุนไพรไทยให้กับผู้ที่สนใจผ่านคอร์สการอบรม ได้ร่วมเรียนรู้การสร้างผลิตภัณฑ์ด้วยนาโนเทคโนโลยี โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำและผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย

พรีเมียร์ อินโนว่า นอกจากจะยกระดับสมุนไพรไทยให้มีมูลค่าแล้ว ยังช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้ชุมชน อนุรักษ์และต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น และพัฒนาทักษะเกษตรกรสู่เกษตรกรนวัตกรอย่างยั่งยืน

ผู้ที่สนใจสินค้าหรือคอร์สอบรมจากผู้เชี่ยวชาญสามารถ ติดตามรายละเอียดได้ที่ Line Official Account: https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=premierinnova

แทมมาริน วิลเลจ รักษาวัฒนธรรมดั้งเดิม จัดกิจกรรม “สืบฮิตโตยฮอย ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง”

แทมมาริน วิลเลจ รักษาวัฒนธรรมดั้งเดิม
จัดกิจกรรม “สืบฮิตโตยฮอย ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง”

 

โรงแรมแทมมาริน วิลเลจ  ให้ความสำคัญกับการรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิม จัดกิจกรรม “สืบฮิตโตยฮอย ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง” ทำบุญโรงแรม สรงน้ำพระและรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ที่เคารพ

“ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง” หรือประเพณี ปีใหม่เมืองเป็นประเพณีสำคัญของชาวเหนือหรือชาวล้านนา สืบเนื่องมาจากอดีตกาลที่จะยึดถือเป็นช่วงเปลี่ยนศักราชใหม่ โดยกำหนดจุดที่พระอาทิตย์ย้ายจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ซึ่งมักจะตรงกับวันที่ 13 เมษายน หรือ 14 เมษายนของแต่ละปี และจะกินเวลาประมาณ 4-7 วัน ยาวนานกว่าสงกรานต์ของภาคอื่น  

ชาวหมู่บ้านมะขาม โรงแรมแทมมาริน วิลเลจ  ให้ความสำคัญกับการรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิม จัดกิจกรรม “สืบฮิตโตยฮอย ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง” ทำบุญโรงแรม สรงน้ำพระและรดน้ำดำหัวผู้เฒ่า ผู้แก่ ผู้ใหญ่ที่นับถือ ที่อาศัยอยู่บริเวณบ้านใกล้เรือนเคียง ในชุมชนรอบข้างโรงแรม และแขกผู้เข้าพักได้สัมผัสประสบการณ์ร่วมกัน รวมไปถึงทีมพนักงานของรายาเฮอริเทจ ที่เปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน มาพบปะกันและร่วมกิจกรรมตามประเพณี เพื่อความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองตลอดปี  

โดยบรรยากาศภายในโรงแรมฯ มีการประดับประดา ไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น อบอวลด้วยกลิ่นหอมอ่อนละมุนของ น้ำดอกขมิ้นส้มป่อย และสีสันอันงดงามของ ดอกซอมพอ ดอกสะบันงา ดอกเข็ม และ โกสน ดอกไม้พื้นเมืองนานาชนิดที่มีความหมายเป็นสิริมงคล ที่บรรจงประดับประดาในพาน (ขันดอก) เพื่อสื่อถึงความเคารพ ความรัก และความกตัญญูที่แฝงอยู่ในวิถีล้านนา รวมไปถึงการจัดแสดง วิธีการทำขนมดอกจอก ขนมไทยโบราณที่หาทานยาก พร้อมกับน้ำดื่มสมุนไพรที่สดชื่น ไว้บริการแขกผู้มาเยือนได้ลิ้มลองกันด้วย

ทางโรงแรมแทมมาริน วิลเลจ  ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในอนุรักษ์ สืบสาน และส่งต่อประเพณีอันล้ำค่านี้ให้เรายังคง “ฮอย” แห่งวัฒนธรรมไว้ต่อไปอย่างงดงาม

โรงแรมรายาเฮอริเทจ ร่วมรักษาสืบสานประเพณีวัฒนธรรมล้านนากับกิจกรรม “สระเกล้าดำหัว”

โรงแรมรายาเฮอริเทจ ร่วมรักษาและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมล้านนาอันดีงาม
กิจกรรม “สระเกล้าดำหัว” สืบสานป๋าเวณี ปี๋ใหม่เมือง 2568

เทศกาลสงกรานต์นี้โรงแรมรายาเฮอริเทจ ได้ร่วมรักษาและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมล้านนาอันดีงาม จัดกิจกรรม “สระเกล้าดำหัว” สืบสานป๋าเวณี ปี๋ใหม่เมือง 2568 รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในชุมชนที่เคารพ ที่ได้สนับสนุนร่วมมือกับทางโรงแรมในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างคุณค่าและสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนและบริเวณรอบข้างของโรงแรม

“สระเกล้าดำหัว” เป็นประเพณีที่มีความสำคัญในวัฒนธรรมของชาวล้านนา ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่เมือง หรือสงกรานต์ ซึ่งในช่วงพิธีผู้คนจะ น้ำส้มป่อย (หมายถึงการชำระล้างสิ่งที่ไม่ดี การลบล้างความขุ่นเคือง มาผสมกับดอกไม้หอมนานาชนิด และน้ำปรุงหอม (น้ำอบ) ใส่ในสลุงเงินหรือขัน รวมทั้ง จัดเตรียมเครื่องสักการะต่างๆ เพื่อใช้ในพิธีสักการะผู้เฒ่า ผู้แก่ (ผู้ใหญ่) ที่เคารพ (ญาติผู้ใหญ่ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ทรงวัยวุฒิ ตลอดจนถึงผู้มีอุปการะคุณ) เพื่อขอขมาในสิ่งที่เคยล่วงเกิน และแสดงความเคารพ เมื่อทำการขอขมา และให้พรแล้ว ผู้เฒ่า ผู้แก่ (ผู้ใหญ่) ก็จะนำน้ำส้มป่อยนั้นลูบหัวตัวเอง เสมือนเป็นการรับคำขอขมา และปล่อยวางความไม่ดี ลบล้างความขุนเคืองที่ผ่านมาออกไป จากนั้นผู้เฒ่า ผู้แก่จะมอบพรให้กับลูกหลานเพื่อเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลปี๋ใหม่เมือง

กิจกรรม “สระเกล้าดำหัว”เป็นกิจกรรมที่มีเอกลักษณ์ของชาวล้านนา โรงแรมรายาเฮอริเทจร่วมสืบสาน และรักษาความดั้งเดิมที่ดีงามนี้ไว้ พร้อมส่งต่อให้กับคนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และเข้าใจไม่ให้สิ่งดีดีแบบนี้เลือนหายไปตาลกาลเวลา

 

ขอบคุณข้อมูลเรื่องสระเกล้าดำหัวจาก https://accl.cmu.ac.th/Knowledge/details/2629

 

 

ได้เวลาใจดีกับโลก ด้วยพลังความร่วมมือ ร้อยพลังสร้างสังคมดี

ได้เวลาใจดีกับโลก ด้วยพลังความร่วมมือ ร้อยพลังสร้างสังคมดี
ภาคธุรกิจและภาคสังคม ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกันลงมือทำเพื่อแก้ไขปัญหา

ภาคธุรกิจและภาคสังคม ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มุมมอง และความตระหนักถึงสถานการณ์โลก ประเด็นปัญหาเร่งด่วน ที่แต่ละภาคส่วนได้ร่วมกันลงมือทำเพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อให้เกิดมุมมองการทำงานจากหลายหลายมิติ สามารถเชื่อมต่อและขยายผลได้

คุณวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ในงาน Soul Connect 2025 Humanice มหกรรมพบเพื่อนใจ ภายใต้หัวข้อ “SDG Forward Faster ได้เวลาใจดีกับโลก” โดยเชิญวิทยากรจากภาคธุรกิจและภาคสังคม มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มุมมอง และความตระหนักถึงสถานการณ์โลก ประเด็นปัญหาเร่งด่วน ที่แต่ละภาคส่วนได้ร่วมกันลงมือทำเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น เพื่อให้เกิดมุมมองการทำงานจากหลายหลายมิติ สามารถเชื่อมต่อและขยายผลได้ ร่วมสนทนาโดย ดร ธันยพร กริชติทายาวุธ ผู้อำนวยการบริหาร UNGCNT คุณวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ และ คุณท็อป พิพัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน และ ผู้ก่อตั้ง Platform ECOLIFE ดำเนินรายการ โดย คุณ ธันยมัย Business Editor, The Cloud

คุณวิเชียรกล่าวถึงความจำเป็นและเหมาะสมของการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืนทั้งสองด้านคือสังคมและธุรกิจว่า “ทำไมธุรกิจต้องแยกส่วนกับปัญหาสังคม เพราะสังคมก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ธุรกิจต้องรับผิดชอบ และเราเห็นว่าทรัพยากรของภาคธุรกิจนั้นมีมาก มีบุคลากร ทุนทรัพย์ องค์ความรู้ เราจึงคิดว่าจะนำประโยชน์จากการทำงานภาคธุรกิจมารับใช้สังคม  ธุรกิจที่ทำอยู่ต้องบูรณาการทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน  ดำเนินธุรกิจที่ส่งผลให้เกิดประโยชน์กับภาคสังคมโดยรวมด้วย เพราะการที่เราทำให้ภาคสังคมมีความเข้มแข็ง มีความยั่งยืนมากขึ้น ก็เป็นการลดความเสี่ยง และให้ประโยชน์ สร้างความยั่งยืนให้กับภาคธุรกิจด้วยเช่นกัน” เป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการธุรกิจกับการพัฒนาสังคม เพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อภาคธุรกิจและสังคมโดยรวม

ช่วงที่ 2 ของการสัมมนา คุณวิเชียรได้มีการชวนผู้เข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนว่า ปัญหาเร่งด่วนของสังคมไทยที่เกี่ยวข้องกับทุกๆคนคืออะไรบ้าง ใช่ปัญหาเหล่านี้หรือไม่ เรื่องสิ่งแวดล้อม การศึกษา ปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ การสาธารณสุข ความยุติธรรมในสังคม ธรรมาภิบาล ทุจริตคอร์รัปชัน คุณวิเชียรเชื่อว่าทุกคนคงคิดว่า ทุกเรื่องเป็นปัญหาของสังคมทั้งหมด ที่อยู่ใกล้ตัวของเรา แต่คงมีระดับของความสำคัญที่ใกล้ตัวแตกต่างกัน  สอดคล้องกับที่มูลนิธิเพื่อ “คนไทย” ได้มีการทำผลสำรวจ คนไทยมอนิเตอร์ ในปี พ.ศ. 2557 พบว่าปัญหาสังคมตามผลวิจัย นั้นคือเรื่องเดียวกับในปัจจุบัน และดูเหมือนว่าปัญหายังมีความรุนแรงอยู่มาก

เพราะฉะนั้นในความเห็นของคุณวิเชียรเห็นว่า เราตระหนักรู้ว่าปัญหาของเราคืออะไร แต่สิ่งที่ยังเป็นอุปสรรค คือ เราจะจัดการอย่างไร และเป็นหน้าที่ของใครบ้าง สิ่งนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด หากเราสนใจปัญหาต่างๆ ที่กล่าวมา แต่ถ้าตราบใดที่เรายังคิดว่าไม่ใช่หน้าที่เรา เป็นหน้าที่ของคนอื่น เช่น ภาครัฐบาล หรือภาคประชาสังคม แล้วปัญหาสังคมจะได้รับการแก้ไขอย่างไร

ดังนั้นเรื่องเร่งด่วนที่ใหญ่ที่สุด  คือ การตระหนักรู้  หรือที่เรียกว่า Sense of urgency ความเร่งด่วนที่เราต้องรู้ว่า เราต้องลงมือจัดการกับปัญหานั้น และคิดว่าเป็นเรื่องของทุกคนที่มีบทบาทหน้าที่ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาเหล่านั้น และสิ่งที่ต้องทำ คือ การจัดการ สร้างระบบของความร่วมมือ ให้กลายเป็นระบบนิเวศพลังของสังคม เกิดต้นแบบของการสร้างการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ เชื่อว่าทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกได้ ผ่านการสร้างพลังพลเมืองที่มีส่วนร่วมเพื่อส่วนรวม  (Active Citizen) และ Corporate Citizen ให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง

ภายใต้แนวปฏิบัติความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทพรีเมียร์  “Harmonious Alignment of Success” เรามุ่งดำเนินธุรกิจบนหลักธรรมาภิบาล โดยพยายามลดผลกระทบทางลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายในงานคุณวิเชียรได้นำเสนอตัวอย่างกลไกความร่วมมือ อาทิ โครงการกาแฟอินทรีย์รักษาป่า “มีวนา” ซึ่งเป็นความร่วมมือในการอนุรักษ์ผืนป่าต้นน้ำ จ.เชียงราย โครงการร้อยพลังการศึกษา เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้เด็กและเยาวชนไทย และกลไกการระดม

เปิดวิสัยทัศน์ผู้นำ ลงทุนกับนิติธรรม หลักประกันอนาคตที่ยั่งยืน]

เปิดวิสัยทัศน์ผู้นำ ลงทุนกับนิติธรรม หลักประกันอนาคตที่ยั่งยืน
ลงทุนกับนิติธรรม หลักประกันอนาคตที่ยั่งยืน

เมื่อการยกระดับหลักนิติธรรมของประเทศถือเป็นความท้าทาย  ที่มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ!  แล้วประเทศของเราจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไร

คุณวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิด บทบาทสำคัญของประชาชนและทุกภาคส่วน ในการสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง ที่งาน “Thailand Rule of Law 2025 งานแฟร์เพื่อความแฟร์” จัดโดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเท่าเทียม

คุณวิเชียรได้นำเสนอในหัวข้อ “เปิดวิสัยทัศน์ผู้นำ ลงทุนกับนิติธรรม หลักประกันอนาคตที่ยั่งยืน” โดยชี้ให้เห็นว่า “หลักนิติธรรม” ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความเป็นธรรม ธรรมาภิบาล และความเสมอภาคในสังคม เป็นคำที่มีความหมายที่กว้าง ซึ่งปัญหาที่เกิดจากการขาดหลักนิติธรรมนั้นส่งผลกระทบทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา หรือปัญหาสิ่งแวดล้อม และอีกมากมาย ตามบริบทในชีวิตประจำวันของทุกคนในสังคม ที่ล้วนส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ หากสังคมไทยต้องการก้าวไปสู่ความยั่งยืน หลักนิติธรรมจำเป็นต้องได้รับการเสริมสร้างให้เข้มแข็ง

“การลงทุนเพื่อหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งนั้น ต้องสร้างความร่วมมือกับทุกคนในสังคม เพื่อมาร่วมลงทุนทั้งด้านสติปัญญา ทุนทรัพย์ ทุนเวลา และทุนการมีส่วนร่วมของทุกคนในสังคม ในการพัฒนาหลักนิติธรรมให้มีความเข้มแข็ง เพื่อที่เราจะได้มีสังคมที่ยั่งยืน”

การลงทุนทางสังคม สร้างผลลัพธ์ที่มากกว่าผลกำไรทางธุรกิจ

คุณวิเชียรได้แลกเปลี่ยนถึงการทำงานด้านการลงทุนทางสังคม บนพื้นฐานของความร่วมมือ ด้วยความเชี่ยวชาญของคนที่หลากหลาย ผลลัพธ์ของการลงทุนนั้น ส่งผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่าการลงทุนทางด้านธุรกิจมากมายทวีคูณ และทำได้จริง ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการศึกษา การสาธารณสุข การระดมทุนเพื่อสังคม งานทางด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นสิ่งที่เห็นผลและมีความคุ้มค่า จากประสบการณ์ที่ทำงานด้านนี้มากว่า 30 ปี

เราเชื่อว่า ไม่มีใครที่จะเชี่ยวชาญหรือรู้ไปหมด ดังนั้นสิ่งสำคัญ คือ เราต้องพัฒนาความเชี่ยวชาญทักษะในการเชิญชวน สร้างพื้นที่ให้เกิดการเรียนรู้ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สร้างโอกาสให้คนที่หลากหลายมาร่วมกันทดลองผิดลองถูก สร้างสรรค์ทำงานในประเด็นที่หลากหลาย รวมถึงต้องมีการบริหารจัดการ กระบวนการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เอื้อให้คนมาร่วมกันได้ เพื่อเดินหน้าไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

คุณวิเชียรกล่าวปิดท้ายว่า เชื่อมั่นว่า การทำงานสร้างความร่วมมือที่ TIJ มีในวันนี้ จะสร้างความยั่งยืนด้านหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งของสังคมไทย ด้วยพลังความร่วมไม้ร่วมมือของคนจำนวนมาก  เป็นเส้นทางที่จะช่วยสร้างสังคมที่เป็นธรรม โปร่งใส และยั่งยืนสำหรับทุกคน

This site is registered on wpml.org as a development site.