การกำกับดูแลกิจการ

จรรยาบรรณกลุ่มบริษัทพรีเมียร์
กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ดำเนินธุรกิจโดยยึดถือความถูกต้องและเป็นธรรม และมีค่านิยมของชาวพรีเมียร์ที่ให้พนักงานของกลุ่มฯ ถือปฏิบัติในการทำงานตลอดมา คือ ความซื่อสัตย์สุจริต ความรับผิดชอบและมุ่งมั่นทำงาน ความมีวินัย ความสามัคคี ความเสียสละและการพัฒนาไม่หยุดยั้ง ซึ่งถือเป็นจริยธรรมและคุณธรรมของกลุ่มฯ ที่ปฏิบัติมาโดยต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและมีแนวทางที่ชัดเจนในการประพฤติปฏิบัติงานของพนักงาน กลุ่มบริษัทพรีเมียร์จึงได้กำหนดข้อพึงปฏิบัติในรายละเอียดโดยยังคงอ้างอิงถึงค่านิยมชาวพรีเมียร์เป็นแนวทาง ทั้งนี้เพื่อให้ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทยึดถือเป็นหลักในการปฏิบัติงาน ดังนี้
  1. ข้อพึงปฏิบัติต่อลูกค้า
    1. สนองความต้องการของลูกค้า/ผู้บริโภคด้วยสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัย
    2. เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการอย่างครบถ้วน ถูกต้อง และไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง
    3. ให้การรับประกันสินค้าและบริการภายใต้ข้อกำหนดอันเหมาะสม
    4. ปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อตกลงที่มีต่อลูกค้าอย่างเคร่งครัด
    5. กรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงใดๆ กับลูกค้าได้ ต้องรีบแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าเพื่อร่วมกันพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาและป้องกันความเสียหาย
    6. พยายามรักษาต้นทุนการผลิตให้ต่ำสุด โดยยังรักษาคุณภาพของสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐานตลอดเวลา
    7. จัดกลไกและระบบการบริการลูกค้าให้ลูกค้าสามารถติดต่อกับบริษัทได้โดยสะดวกและรวดเร็ว
    8. รักษาความลับของลูกค้าและข้อมูลลูกค้า
  2. ข้อพึงปฏิบัติต่อคู่ค้าและเจ้าหนี้
    1. ดำเนินธุรกิจต่อกันอย่างเป็นธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบ เคารพและปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาที่กำหนดไว้ กรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ต้องรีบเจรจากับคู่ค้าหรือเจ้าหนี้เป็นการล่วงหน้าเพื่อร่วมกันพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย
    2. ไม่เรียก ไม่รับ หรือไม่ให้ผลประโยชน์ใดๆ ที่ไม่สุจริตกับคู่ค้าหรือเจ้าหนี้ ถ้ามีข้อมูลว่ามีการจ่ายผลประโยชน์ใดๆ ที่ไม่สุจริตเกิดขึ้น พึงหารือกับคู่ค้าหรือเจ้าหนี้เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาโดยยุติธรรมและรวดเร็ว
  3. ข้อปฏิบัติต่อคู่แข่งทางการค้า
    1. แข่งขันทางการค้าภายในกรอบกติกาของการแข่งขันที่ดี สนับสนุนการแข่งขันอย่างเสรี ทั้งนี้ รวมถึงการไม่กระทำการใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดการบิดเบือนข้อมูลของตลาดอันจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคได้
    2. ไม่แสวงหาข้อมูลที่เป็นความลับของคู่แข่งด้วยวิธีการที่ไม่สุจริตผิดกฎหมาย
    3. ไม่ทำลายชื่อเสียงของคู่แข่งด้วยการกล่าวร้าย หรือกระทำการใดๆ โดยปราศจากความจริงและ ไม่เป็นธรรม
  4. ข้อพึงปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้น
    1. ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ตัดสินใจดำเนินการต่างๆ ด้วยความบริสุทธิ์ โปร่งใส และเป็นประโยชน์แก่บริษัทและผู้ถือหุ้น
    2. ปฏิบัติหน้าที่โดยใช้ความรู้ความสามารถและทักษะการบริหารจัดการอย่างเต็มความสามารถเพื่อประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้น
    3. จัดการดูแลไม่ให้ทรัพย์สินใดๆ ของบริษัทเสื่อมค่าหรือสูญหายโดยมิชอบ
    4. รายงานสถานะและผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างครบถ้วนถูกต้องด้วยความเป็นจริง
    5. ไม่แสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ข้อมูลใดๆ ของบริษัทที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อ สาธารณชน
    6. ไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัทต่อบุคคลภายนอกโดยเฉพาะคู่แข่งของบริษัท
    7. ไม่ดำเนินการใดๆ ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับบริษัทโดยมิได้แจ้งให้บริษัททราบ
  5. ข้อพึงปฏิบัติต่อสังคมส่วนรวม
    1. ไม่กระทำการใดๆ ที่จะมีผลเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม
    2. ให้การสนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมส่วนรวม
    3. ปฏิบัติหรือควบคุมให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่ออกโดยหน่วยงานกำกับดูแล ใส่ใจและรับผิดชอบแก้ไขในภัยอันตรายที่สังคมหวั่นวิตก อันอาจเกิดจากผลิตภัณฑ์ / บริการ หรือการดำเนินงานของบริษัท
    4. ไม่ให้การสนับสนุนหรือร่วมธุรกรรมกับบุคคลภายนอกที่เป็นภัยต่อสังคม หรือสภาพแวดล้อมส่วนรวม
  6. ข้อพึงปฏิบัติของพนักงาน
    1. ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต เสียสละและอดทน เพื่อความก้าวหน้าและความมั่นคงของบริษัทและตัวพนักงานเอง
    2. ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันหมั่นเพียร รวมทั้งแสวงหาแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงงานให้มี ประสิทธิภาพอยู่เสมอ
    3. ปฏิบัติตามนโยบายและระเบียบข้อบังคับของบริษัทโดยเคร่งครัด
    4. ร่วมกันรักษาและสร้างสรรค์ให้เกิดความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในหมู่พนักงาน ร่วมกันทำงานและแก้ไขปัญหาเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ
    5. ใช้ทรัพย์สินของบริษัทให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทอย่างเต็มที่และดูแลไม่ให้เสื่อมเสียหรือสูญหาย รวมทั้งไม่ใช้ทรัพย์สินของบริษัทเพื่อประโยชน์ของตนหรือบุคคลอื่น
    6. ไม่ดำเนินการใดๆ ที่เป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทหรือของผู้อื่น รวมถึงการไม่นำซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาใช้ในบริษัท
    7. รักษาความลับของบริษัท ดูแลระมัดระวังไม่ให้เอกสารหรือข้อมูลอันเป็นความลับของบริษัทรั่วไหลหรือตกไปถึงผู้ไม่เกี่ยวข้องอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท
    8. ห้ามเปิดเผยหรือใช้ประโยชน์จากข่าวสารใดๆ ที่เป็นความลับทางธุรกิจของบริษัท ซึ่งรวมตลอดถึงสูตร กระบวนการ กรรมวิธีการผลิต ข้อมูลทางธุรกิจและข่าวสารที่เป็นสาระสำคัญอันถือว่าเป็นเรื่องที่พึง ปกปิดของบริษัทต่อบุคคลอื่น ไม่ว่าโดยวิธีการใดๆ
    9. เอาใจใส่และช่วยดำเนินการใดๆ ที่จะรักษาความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน
    10. แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้บริหารหากพบว่ามีการกระทำใดๆ ในบริษัทโดยมิชอบหรือผิดกฎหมาย รวมทั้งการมีไว้ในครอบครองหรือเสพย์ยาเสพติด
    11. ไม่ใช้อำนาจหน้าที่ของตนหรือยอมให้บุคคลอื่นใช้อำนาจหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ
    12. ไม่กระทำการใดๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของบริษัท
  7. ข้อพึงปฏิบัติระหว่างพนักงาน (ผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา และ ผู้ร่วมงาน)
    1. ให้ความร่วมมือช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์ต่องานและสภาพแวดล้อมในการทำงานของบริษัทโดยส่วนรวมและเคารพในสิทธิของพนักงานอื่นที่อยู่ในบริษัทเดียวกัน
    2. ผู้บังคับบัญชาพึงปฏิบัติตนให้เป็นที่เคารพนับถือของผู้ใต้บังคับบัญชา ปฏิบัติตามนโยบายและระเบียบข้อบังคับโดยเคร่งครัด เป็นแบบอย่างที่ดีต่อผู้ใต้บังคับบัญชา และปกครองผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาด้วยหลักการและเหตุผลที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
    3. ปฏิบัติต่อผู้บังคับบัญชาด้วยความเคารพนับถือ และปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานด้วยความมีน้ำใจและมนุษย์สัมพันธ์อันดี ไม่กล่าวร้ายผู้บังคับบัญชาและเพื่อนพนักงานโดยปราศจากซึ่งมูลความจริง
    4. ไม่นำผลงานของบุคคลอื่นมาแอบอ้างเป็นผลงานของตนเอง
นโยบายต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชัน

บริษัท พรีเมียร์ ฟิชชั่น แคปปิตอล จำกัด ประกอบธุรกิจเป็นบริษัทลงทุน หรือ Holding Company โดยดำเนินธุรกิจภายใต้ปรัชญากลุ่มบริษัทพรีเมียร์ คือ ธุรกิจก้าวหน้า พนักงานมั่นคง สังคมยั่งยืน ซึ่งเป็นคุณค่าหลัก (Core Value)ที่บริษัทยึดถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดมาโดยให้ความสำคัญต่อการกำกับดูแล กิจการภายใต้กรอบการบริหารจัดการของการมีจริยธรรมที่ดี มีความโปร่งใสซึ่งสามารถตรวจสอบได้โดยเฉพาะกระบวนการที่เกี่ยวข้องหรือสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตภายในบริษัทรวมถึงการคอร์รัปชันทุกรูปแบบไม่ว่าทางตรงและทางอ้อม บริษัทจึงกำหนดนโยบายด้านการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันไว้ดังนี้

1. ห้ามกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทและบริษัทในสายธุรกิจดำเนินการหรือยอมรับหรือให้การสนับสนุนการทุจริต คอร์รัปชัน ในทุกรูปแบบทั้งทางตรง และทางอ้อมโดยครอบคลุมถึงบริษัทย่อยทุกบริษัทพร้อมให้การสนับสนุนหรือส่งเสริมผู้มีส่วนได้เสีย ลูกค้า คู่ค้า ผู้รับจ้าง หรือผู้รับจ้างช่วง มีแนวปฏิบัติเช่นเดียวกับบริษัท และกำหนดให้มีการสอบทานการปฏิบัติตาม นโยบายต่อต้านการ ทุจริตคอร์รัปชันนี้อย่างสม่ำเสมอตลอดจนมีการทบทวนแนวทางในการปฏิบัติให้สอดคล้องกับนโยบาย ทั้งระเบียบปฏิบัติ ข้อกำหนด ข้อบังคับ ประกาศ กฎหมาย และการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ

2. มาตรการการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจ และรวมถึงเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของคณะ กรรมการของบริษัท ผู้บริหาร ผู้บังคับบัญชา พนักงานทุกคนทุกระดับ ลูกค้า คู่ค้า ผู้รับจ้าง หรือผู้รับจ้างช่วง ที่จะมีส่วนในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติเพื่อให้การดำเนินการด้านการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันบรรลุตามนโยบายที่กำหนด

3. บริษัทพัฒนามาตรการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องรวมถึงหลักปฏิบัติด้านจริยธรรมโดย จัดให้มีการประเมินความเสี่ยงในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องหรือสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริต และคอร์รัปชันและนำมาจัดทำเป็นคู่มือแนวทาง ในการปฏิบัติแก่ผู้เกี่ยวข้อง

4. บริษัทไม่กระทำหรือสนับสนุนการให้สินบนในทุกรูปแบบทุกกิจกรรมที่อยู่ภายใต้การดูแล รวมถึงการควบคุมการบริจาค เพื่อการกุศล การบริจาคให้แก่พรรคการเมืองการให้ของขวัญทางธุรกิจ และสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ มีความโปร่งใส และไม่มีเจตนาเพื่อโน้มน้าวให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐหรือเอกชนดำเนินการที่ไม่เหมาะสม

5. บริษัทจัดให้มีการควบคุมภายในที่เหมาะสม สม่ำเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานมีการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานด้านการขาย การตลาด และการจัดซื้อ

6. บริษัทจัดให้ความรู้ด้านการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันแก่คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร และพนักงานเพื่อส่งเสริมความซื่อสัตย์ สุจริต และความรับผิดชอบในการปฏิบัติตามหน้าที่รวมถึงสื่อให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัท

7. บริษัทจัดให้มีกลไกการรายงานสถานะการเงินที่โปร่งใสและถูกต้องแม่นยำ

8. บริษัทส่งเสริมให้มีการสื่อสารที่หลากหลายช่องทาง เพื่อให้พนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถแจ้งเบาะแสอันควรสงสัยโดยมั่นใจได้ว่าผู้แจ้งเบาะแสได้รับการคุ้มครอง โดยไม่ให้ถูกลงโทษโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมหรือกลั่นแกล้งด้วยประการใด และรวมถึงการแต่งตั้งบุคคลเพื่อตรวจสอบติดตามทุกเบาะแส ที่มีการแจ้งเข้ามา
นโยบายการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันนี้ บริษัทปรารถนาให้บุคลากรของบริษัททุกคน รวมถึงผู้มีส่วนได้เสีย ได้ร่วมมือกันยึดถือปฏิบัติ เพื่อให้เกิดควมยั่งยืนต่อสังคมสืบไป จึงประกาศมาเพื่อทราบและถือเป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกันสืบไป

ประกาศ ณ วันที่ 8 เมษายน 2558

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท พรีเมียร์ ฟิชชั่น แคปปิตอล จำกัด ให้ความสำคัญกับข้อมูลส่วนบุคคลและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า พนักงานในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทจะปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปอย่างถูกต้องและสอดคล้องตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล(รวมเรียกว่า“การประมวลผล”) เท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งไว้ ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่มีข้อยกเว้นที่บริษัทไม่ต้องขอความยินยอม โดยบริษัทจะปฏิบัติให้สอดคล้องตามที่กฎหมายกำหนด ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะมีการประมวลผล เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้า/ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ กับบริษัทการเข้าทำสัญญาซื้อขาย สัญญาบริการและ/หรือสัญญาการจัดซื้อจัดจ้าง การงานทรัพยากรบุคคล การจัดการเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของผู้ถือหุ้น การเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัทการติดต่อกับบริษัทตามช่องทางต่างๆ (เช่น การเข้าเว็บไซต์ การติดต่อทางโซเชียลมีเดีย) เป็นต้น บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายฉบับนี้ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
  1. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

    1. พื่อการขายสินค้า/ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ และดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า/ผลิตภัณฑ์ เช่น การปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาซื้อขาย สัญญาบริการและ/หรือสัญญาอื่นใด เป็นต้น
      ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประมวลผล เช่น
      • ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน เป็นต้น
      • ข้อมูลการติดต่อ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่จัดส่งสินค้า ที่อยู่สำหรับส่งใบแจ้งหนี้ เป็นต้น
      • ข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน เช่น ข้อมูลเลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลบัตรเครดิต เป็นต้น
    2. เพื่อการประชาสัมพันธ์กิจกรรมทางการตลาดของบริษัท เช่น การแจ้งข่าวสารและสิทธิประโยชน์ การส่งข้อความกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เป็นต้น
      ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประมวลผล เช่น
      • ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน เป็นต้น
      • ข้อมูลการติดต่อ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่ปัจจุบัน ข้อมูลการติดต่อทางโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
    3. เพื่อใช้ในกระบวนที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง เช่น การเข้าทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง สัญญาให้บริการหรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัท เป็นต้น
      ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประมวลผล เช่น
      • ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน เป็นต้น
      • ข้อมูลการติดต่อ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่จัดส่งสินค้า ที่อยู่สำหรับส่งใบแจ้งหนี้ เป็นต้น
      • ข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน เช่น ข้อมูลเลขบัญชีธนาคาร ประวัติทางการเงิน เป็นต้น
    4. เพื่อใช้ในกระบวนการที่เกี่ยวกับงานทรัพยากรบุคคล เช่น งานสรรหาและรักษาพนักงาน งานพัฒนาทรัพยากรบุคคล งานพัฒนาคนเก่ง งานระเบียบวินัยบทลงโทษ งานเงินเดือนและสวัสดิการ งานระบบข้อมูลพนักงาน และระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นต้น
      ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประมวลผล เช่น
      • ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล ชื่อเล่น อายุ เพศ สัญชาติ วันเดือนปีเกิด รูปภาพใบหน้า สถานภาพสมรส สถานภาพทางทหาร วุฒิการศึกษา เลขประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ข้อมูลในหนังสือเดินทาง ข้อมูลในใบอนุญาตขับขี่ ข้อมูลใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เป็นต้น
      • ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) เช่น ศาสนา ข้อมูลลายนิ้วมือ ผลการตรวจสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม เป็นต้น
      • ข้อมูลการติดต่อ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อได้กรณีฉุกเฉิน เป็นต้น
      • ข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน เช่น ข้อมูลเลขบัญชีธนาคาร เป็นต้น
    5. เพื่อการบริหารจัดการงานทะเบียนผู้ถือหุ้น การดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้น และการดำเนินการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัดหรือกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
      ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประมวลผล เช่น
      • ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน เป็นต้น
      • ข้อมูลการติดต่อ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่สำหรับจัดส่งเอกสาร เป็นต้น
    6. เพื่อการตรวจสอบดูแลความความสงบเรียบร้อยและป้องกัน หรือระงับเหตุการณ์ใดๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือสุขภาพ และทรัพย์สินของบุคคลหรือบริษัท รวมถึงระบบการเข้าออกพื้นที่อาคารและโรงงานของบริษัท
      ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประมวลผล เช่น
      • ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน ทะเบียนรถ ข้อมูลในใบอนุญาตขับขี่ เป็นต้น
      • ข้อมูลการติดต่อ หมายเลขโทรศัพท์ เป็นต้น
      • ข้อมูลการบันทึกภาพนิ่ง เสียง และภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น
    7. วัตถุประสงค์อื่นใดซึ่งทางบริษัทจะแจ้งให้ทราบและขอความยินยอมในการประมวลผลข้อมูล เว้นแต่เป็นกรณีที่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมายที่ไม่ต้องขอความยินยอม
  2. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น

    บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท
    ผู้ให้บริการต่างๆ ที่ให้บริการแก่บริษัท หรือบริษัทที่เกี่ยวข้อง (ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ) รวมทั้งหน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแลหรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด โดยการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่นนี้ บริษัทจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น โดยบริษัทจะควบคุมดูแลให้มีการรักษาข้อมูลที่มีการเปิดเผยดังกล่าวไว้เป็นความลับและนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้เท่านั้น และในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอม บริษัทจะขอความยินยอมก่อน
  3. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทอาจมีการมอบหมายให้บุคคลหรือนิติบุคคล (ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของบริษัท การมอบหมายให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือการอยู่ในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้สัญญาต่าง ๆ นี้ บริษัทจะจัดให้มีข้อตกลงระบุหน้าที่ของบริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งของบริษัทเท่านั้น รวมถึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพ.ศ. 2562 ในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นด้วย
  4. การขอความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

    1. กรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมก่อนทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมโดยชัดแจ้งก่อนทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
    2. กรณีที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ บริษัทจะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ซึ่งรวมถึงการขอความยินยอมจากผู้ที่มีอำนาจกระทำการแทนตามที่กฎหมายกำหนด
    3. กรณีที่ไม่ต้องขอความยินยอม บริษัทจะดำเนินการตามฐานทางกฎหมาย ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
      ซึ่งมีดังต่อไปนี้
      1. กรณีข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
        • เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น
        • เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบธรรมของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น
        • เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
        • เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนด
        • เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อการศึกษา วิจัย และการจัดทำสถิติ
      2. กรณีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data)
        • เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือสุขภาพ ซึ่งไม่สามารถให้ความยินยอมได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม
        • เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้ง
        • เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
        • เป็นการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องตามที่กฎหมายกำหนด
    4. ในกรณีที่บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านเพื่อเข้าทำสัญญา ซึ่งบริษัทต้องทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวอาจมีผลกระทบทางกฎหมายหรือบริษัทอาจจะไม่สามารถทำธุรกรรมหรือให้บริการตามสัญญา หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญาได้(แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าวบริษัทอาจมีความจำเป็นต้องยกเลิกธุรกรรมหรือการให้บริการที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือปฏิเสธการเข้าทำสัญญา
  5. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้โดยมีระยะเวลาเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของบริษัทตามที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวมา หรือตามระยะเวลาตราบเท่าที่กฎหมายกำหนด
  6. การจัดเก็บและใช้ข้อมูลคุกกี้ (Browser’s Cookies)

    บริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลการเข้าเว็บไซต์ของบริษัทจากผู้เข้าเยี่ยมชมทุกรายผ่านคุกกี้หรือเทคโนโลยีที่ใกล้เคียง เพื่อให้ทราบได้ว่ามีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาในเว็บไซต์ของบริษัทอย่างไร เพื่อช่วยปรับปรุงพัฒนาประสบการณ์การใช้งานให้ดีขึ้นและต่อเนื่อง โดยเว็บไซต์จะขอให้เบราว์เซอร์จัดเก็บคุกกี้ เพื่อเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานเว็บไซต์ ไว้ในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ คุกกี้ช่วยให้เว็บไซต์ “จดจำ” การกระทำหรือการตั้งค่าของท่านเมื่อเวลาผ่านไป ทั้งนี้เบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่สนับสนุนการใช้งานคุกกี้
  7. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

    ในฐานะเจ้าของของข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ตามรายละเอียด ดังนี้
    1. สิทธิในการถอนความยินยอม
    2. สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
    3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง
    4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล
    5. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล
    6. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
    7. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
    8. สิทธิในการยื่นเรื่องร้องเรียน หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีสิทธิยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายกำหนดทั้งนี้ หากประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิ สามารถติดต่อมายังบริษัทตามช่องทางการติดต่อในข้อที่ 10 เมื่อบริษัทได้รับและตรวจสอบคำร้องขอใช้สิทธิดังกล่าวแล้ว บริษัทจะรีบดำเนินการตามคำร้องขอภายในระยะเวลา 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับข้อมูลการขอใช้สิทธิ การขอใช้สิทธิในข้อ 7.1-7.7 อาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและ/หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นได้ บริษัทจะแจ้งเหตุผลให้ทราบ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาลเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือการใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น
  8. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงได้จัดทำและเลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลให้มีกลไกและเทคนิคที่เหมาะสม และมีมาตรการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของกฎหมาย ในกรณีที่มีเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลรั่วไหลสู่สาธารณะ บริษัทจะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ เว้นแต่การละเมิดดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะแจ้งเหตุการณ์ละเมิดพร้อมทั้งแนวทางการแก้ไขการดำเนินการให้ทราบ ทั้งนี้บริษัทจะไม่รับผิดชอบความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลต่อบุคคลที่สามโดยการกระทำของเจ้าของข้อมูลเอง หรือบุคคลอื่นซึ่งได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
  9. การทบทวนนโยบาย

    บริษัทจะทำการทบทวนนโยบายอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือกรณีที่กฎหมายมีการเปลี่ยนแปลง
  10. ช่องทางการติดต่อ

    กรณีมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่

    บริษัท พรีเมียร์ ฟิชชั่น แคปปิตอล จำกัด
    เลขที่ 1 พรีเมียร์คอร์เปอเรทปาร์ค ซอยพรีเมียร์ 2 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250
    โทรศัพท์ : 02-301-1000 E-mail : DPO_PFC@pfc.premier.co.th
    ทั้งนี้นโยบายฉบันนี้จะถือเป็นหลักการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทเพื่อให้มีการปฏิบัติที่สอดคล้องตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
    นโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้
    ประกาศ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2565
นโยบายเกี่ยวกับการรับของขวัญและงานเลี้ยงรับรองทางธุรกิจ

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ไม่มีนโยบายที่จะมอบหรือรับของขวัญในรูปแบบใดๆ หรือที่เป็นเงินสดกับผู้ทำธุรกิจ กับกลุ่มฯ เว้นแต่ การให้หรือรับของขวัญและการเลี้ยงรับรองตามประเพณีนิยมที่อยู่ในเกณฑ์พอสมควร เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ทำธุรกิจกับกลุ่มฯ โดยไม่หวังที่จะได้รับการบริการหรือสิ่งตอบแทนโดยเฉพาะเจาะจงที่ไม่ถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณทางธุรกิจ กลุ่มฯ ห้ามโดยเด็ดขาดในการให้หรือรับของขวัญที่เกินมูลค่าที่เหมาะสมเป็นรูปของค่านายหน้า เงินกู้ยืม ส่วนแบ่งกำไรในหุ้น หรือสิ่งอื่นที่มีลักษณะในทำนองเดียวกัน
การให้หรือรับของขวัญ และการเลี้ยงรับรอง ควรจะต้องอยู่ในเกณฑ์ดังนี้

1. ต้องเป็นไปตามประเพณีนิยม ซึ่งมีธรรมเนียมปฏิบัติอยู่
2. ต้องเป็นไปโดยประมาณ ไม่บ่อยครั้งและเหมาะสมกับโอกาส
3. ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ข้อบังคับ และเป็นไปตามจรรยาบรรณและนโยบายของกลุ่มฯ ในเรื่องการขัดแย้งเกี่ยวกับผลประโยชน์

This site is registered on wpml.org as a development site.