มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, มูลนิธิเพื่อคนไทย, องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่าย ร่วมกันแถลง “ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการเลือกตั้งนายก อบจ.”

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, มูลนิธิเพื่อคนไทย, องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่าย ร่วมกันแถลง
“ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการเลือกตั้งนายก อบจ.”

สถานการณ์ในประเทศไทย ในช่วงนี้ที่ควรต้องจับตามองเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน คือการเลือกตั้งนายก อบจ.และ ส.จ.อีก 46 จังหวัด ที่กำลังจะหมดวาระลงในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ และจะมีการเลือกตั้งพร้อมกันในวันที่ 1 ก.พ.ปี 2568 ที่มีความเสี่ยงต่อการทุจริตอย่างมาก

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มูลนิธิเพื่อคนไทย, องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่าย ร่วมกันแถลง “ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการเลือกตั้งนายก อบจ.” สำรวจความคิดเห็นประชาชน 2,017 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1-11 ตุลาคม 2567 โดยเป็นประชาชนจากเขตเมืองใหญ่ 33% เขตชนบท 67% เป็นผู้ที่เคยเลือกตั้งมาแล้ว 80% และเป็นผู้เลือกตั้งครั้งแรก (First Voter) 20%

รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำสภามหาวิทยาลัย ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจพบประชาชน 62.4% ติดตามและเฝ้ารอที่จะไปเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.จ.ในครั้งนี้  ขณะที่ 37.4% ไม่ได้ตั้งใจติดตามมากนักแต่จะไปเลือกตั้ง และ 0.2% ไม่ได้ติดตามและจะไม่ไปเลือกตั้ง

เมื่อถามว่าระหว่างผู้สมัครที่สังกัดและไม่สังกัดพรรคการเมืองระดับชาติจะเลือกผู้สมัครแบบใดมากกว่า พบว่า 57.2% เลือกผู้สมัครที่ไม่สังกัดพรรคการเมือง ขณะที่ 42.8% เลือกผู้สมัครที่สังกัดพรรคการเมือง โดย First Voter เลือกที่สังกัดพรรคการเมืองเป็นส่วนใหญ่ที่ 54.5%

คนไทยรับรู้ว่ามีการทุจริตในระดับ อบจ. แต่ยังรับได้หากทำให้เจริญ  เมื่อถามว่าทราบหรือไม่ว่าประเทศไทยมีการทุจริตงบประมาณท้องถิ่นเป็นมูลค่ามหาศาล พบว่า 95.4% รับทราบ รับรู้ผ่านสื่อและข่าวสาร และรับทราบจากประสบการณ์ตรง ทั้งการสังเกตว่างานไม่ได้มาตรฐาน พบเห็นการทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง ผ่านคำบอกเล่าในท้องถิ่น และพบเห็นด้วยตนเอง

อย่างไรก็ดีนโยบายเรื่องความโปร่งใส การต่อต้านคอร์รัปชันอาจไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกหรือไม่เลือกผู้สมัครมากนัก โดยพบว่า 85% ยังคงเลือกผู้สมัครท่านนั้น แม้จะไม่มีนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันเลยก็ตาม แต่จะมองว่าเป็นคนทำงานหรือคนคุ้นเคยหรือไม่ และที่ผ่านมามีผลงานดี เข้าใจปัญหาท้องถิ่น ไม่มีประวัติเสีย และมองว่าการที่นักการเมืองไม่ค่อยชูประเด็นความโปร่งใสหรือนโยบายต่อต้านการทุจริต เพราะจะเป็นการสร้างศัตรูทางการเมือง มีแรงต้านจากกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ และเป็นนโยบายที่ทำเองไม่ได้

ผลสำรวจที่น่าสนใจคือ เมื่อถามว่า เห็นด้วยหรือไม่ “หาก อบจ. มีการทุจริตคอร์รัปชันบ้าง แต่มีผลงานและทำประโยชน์ให้พื้นที่ของท่านเป็นเรื่องที่รับได้” พบว่าคนส่วนใหญ่กว่า 40.4% เห็นด้วย ขณะที่ 32% ไม่แน่ใจ และไม่เห็นด้วยเป็นส่วนน้อยที่ 27.6% กลุ่ม First Voter ส่วนใหญ่ตอบไม่เห็นด้วย

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการสำรวจครั้งนี้พบว่าคนอาจไม่ได้คำนึงถึงความซื่อสัตย์มากขนาดนั้น เมื่อเทียบกับการเมืองใหญ่ระดับประเทศที่คนต้องการเรื่องความโปร่งใส ต่อต้านการทุจริตมากกว่า

“ในการเมืองระดับประเทศเวลาทำเรื่องดัชนีคอร์รัปชัน คนรุ่นใหม่และคนที่มีสิทธิเลือกตั้งในปัจจุบันจะปฏิเสธการโกงแต่ทำให้เจริญมากขึ้น แต่ในระดับท้องถิ่นยังไม่เหมือนระดับประเทศ จากที่ทำการสำรวจมาตลอด พบว่าในระดับประเทศมีน้อยกว่า 5% ที่ยังเอารัฐบาลที่โกงแล้วพัฒนาประเทศ ขณะที่อีก 95% ไม่ยอมรับ แต่เมื่อมาดูการเลือกตั้ง อบจ. ในคำถามว่าทุจริตแต่สร้างผลงานเป็นเรื่องที่รับได้ กลับเห็นด้วยถึง 40.4% จึงมีอีกหลายอย่างที่พรรคการเมือง ภาคการเมือง ภาคประชาชน องค์กรต่างๆ ต้องทำงานร่วมกัน” รศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าว

เมื่อถามว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการซื้อเสียงเกิดขึ้นหรือไม่ ส่วนใหญ่ 68% ตอบว่าเกิดขึ้นโดยทั่วไป ขณะที่ 27.3% เชื่อว่าเกิดขึ้นในบางพื้นที่เท่านั้น และ 4.7% ไม่มีการซื้อเสียงเกิดขึ้น โดยได้สอบถามราคาในการซื้อเสียงในแต่ละภูมิภาคพบว่า ราคาต่ำสุดอยู่ที่ภาคกลาง 100 บาท ขณะที่ราคาสูงสุดอยู่ที่ภาคเหนือ 5,000 บาท เฉลี่ยทุกภูมิภาคคาดว่าจะมีการซื้อเสียงที่ 903 บาทต่อคน

ขณะเดียวกันเมื่อถามว่า ยอมรับการซื้อเสียงในการเลือกตั้งนายก อบจ.และ ส.จ.ได้หรือไม่ กว่า 63.7% บอกว่ายอมรับได้ โดยมองว่าเป็นเรื่องปกติในการเลือกตั้งท้องถิ่น และเป็นสินน้ำใจ ค่าเดินทาง อย่างไรก็ดี 56% ตอบว่าเมื่อรับเงินแล้ว จะไม่เลือกคนที่จ่ายเงินให้ เพราะต้องการที่จะต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชัน ยึดมั่นในหลักจริยธรรมและความถูกต้อง ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบการเมือง แต่มีโอกาสจะเปลี่ยนใจเลือกผู้สมัครได้หากมีการจ่ายเงินสูงกว่า 2,784 บาท

รศ.ดร.เสาวณีย์ กล่าวว่า ในการเลือกตั้ง อบจ.เฉพาะจังหวัดที่จะมีการเลือกตั้งในปี 2568 รวมทั้งหมด 46 จังหวัด จะมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 28.22 ล้านคน ถ้าผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิ 60% และหากมีการซื้อเสียงที่หัวละ 900 บาท คาดว่าจะมีเงินสะพัดช่วงเลือกตั้งมากกว่า 15,000 ล้านบาท

ความหวังแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในการเมืองท้องถิ่น

ขณะเดียวกันแม้ผลสำรวจจะพบว่าประชาชนส่วนใหญ่รับรู้ว่ามีการทุจริตในระดับท้องถิ่นหรือระดับจังหวัดและมองเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อถามว่าอยากมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้หรือไม่ พบว่ากว่า 93.6% อยากมีส่วนร่วม เพราะอยากสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเมือง ช่วยให้เกิดการตรวจสอบ สร้างความเท่าเทียมและความยุติธรรม แสดงความเป็นพลเมืองที่ดีและเพื่อให้เกิดการใช้งบประมาณที่โปร่งใสด้วย

นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย กล่าวว่า หวังว่าการสำรวจทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไป ที่จะได้รับรู้ความเห็นของตนและของคนอื่นๆ และรับรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป อีกทั้งยังเป็นประโยชน์กับนักการเมืองและผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้นว่าประชาชนอยากได้อะไร อยากเห็นนักการเมืองเข้ามาทำประโยชน์อะไรในท้องถิ่น และคงเป็นประโยชน์กับองค์กรที่มีหน้าที่ในการกำกับการเลือกตั้ง เช่น กกต. เพราะผลสำรวจพบว่าประชาชนส่วนใหญ่รับรู้ว่ามีการซื้อเสียง ก็หวังว่า กกต.จะรับทราบเรื่องนี้ และทำงานด้วยความขยันขันแข็งในการป้องกัน เช่นเดียวกับผลสำรวจที่บอกว่าประชาชนรับรู้ว่ามีการทุจริตคอร์รัปชัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง ป.ป.ช. อาจต้องมีการตรวจสอบและดำเนินการเพิ่มเติมมากกว่าเดิม

“มีเรื่องที่ฟังแล้วรู้สึกดีใจ คือประชาชนตื่นรู้ว่ามีการทุจริตคอร์รัปชัน และเมื่อได้รับเงินซื้อเสียงมาแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะไม่เลือกให้คนซื้อเสียง นั่นหมายความว่าการซื้อเสียงอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จเสมอไป ใครที่จะลงทุนก็ต้องคิดหนักเหมือนกัน และที่เป็นคุณอย่างมาก คือการที่ประชาชนได้แสดงความเห็นว่าอยากมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นจุดพลิกผันที่แท้จริง”


ที่มาเนื้อหา https://www.thairath.co.th/scoop/interview/2827777

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์จัดงาน “Premier Way” ผนึกกำลัง 4 สายธุรกิจ ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์จัดงาน "Premier Way" เส้นทางธุรกิจยั่งยืนฉบับพรีเมียร์
ผนึกกำลัง 4 สายธุรกิจ ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ กลุ่มบริษัทไทยที่เป็นผู้นำในการทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านสังคม องค์กร และพนักงาน เพื่อสร้างความสุขที่ยั่งยืนร่วมกัน  ได้จัดงาน Premier Way เส้นทางความยั่งยืนฉบับพรีเมียร์ เพื่อทบทวนแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่างๆภายใต้กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าให้กับสังคมผ่านการดำเนินธุรกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมรับความท้ายทายในปี 2568 โดยจับมือ 4 สายธุรกิจหลัก ประกอบด้วย

สายธุรกิจสิ่งแวดล้อม ธุรกิจที่ดำเนินงานด้วยการให้ความสำคัญกับทรัพยากรน้ำและพลังงาน ซึ่งถือเป็นทรัพยากรสำคัญในการดำรงชีวิต ภายใต้แนวทาง “สร้างสรรค์คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน” ให้คำปรึกษาและบริการด้านการบริหารจัดการน้ำ พลังงานสะอาดครบวงจร รวมทั้งผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างเพื่อสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ทรัพยากรน้ำและพลังงานอย่างรู้คุณค่า เกิดประโยชน์สูงสุด  โดยบริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท อินฟินิท กรีน จำกัด

สายธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค  ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณประโยชน์ให้กับผู้บริโภคและสัตว์เลี้ยง ที่ยึดมั่นในคุณประโยชน์ โภชนาการ คุณภาพ ความปลอดภัย และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าด้วยความโปร่งใส ทำงานร่วมกับห่วงโซ่คุณค่า เพื่อให้ผู้บริโภคและสัตว์เลี้ยงเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย มีคุณประโยชน์ได้อย่างเท่าเทียม โดยมีบริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) และบริษัท พี.เอม.ฟูด จำกัด

สายธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยและมีคุณภาพ ด้วยบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสินค้าและบริการ เพื่อส่งมอบความอุ่นใจ มั่นใจให้แก่ทุกภาคส่วน เสริมศักยภาพให้องค์กรธุรกิจเติบโต มั่นคง สร้างประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความปลอดภัย โดยบริษัท ดาต้าโปร คอมพิวเตอร์ ซิสเต็มส์ จำกัด

สายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจโรงแรม ดำเนินธุรกิจด้าน Hospitality & Design ที่ส่งมอบประสบการณ์การเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ความเป็นตัวตน เอกลักษณ์ ของชุมชนแต่ละพื้นที่ สร้างความสุข สร้างช่วงเวลาดีๆ ให้ครอบครัว ได้ใช้เวลาร่วมกัน ตอบโจทย์งานเลี้ยงสังสรรค์ การท่องเที่ยว การอยู่อาศัย ในทุกๆช่วงวัย โดยโรงแรมแทมมาริน วิลเลจ และโรงแรมรายา เฮอริเทจ จ.เชียงใหม่ โรงแรมราวยาวดี จ.กระบี่ สถานที่จัดงานใจกลางเมือง เดอะ โบทานิคอล เฮาส์ รวมถึงบ้านรายา เรสซิเดนซ์ เพื่อร่วมกันกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจยั่งยืน

โดยงานครั้งนี้ผู้บริหารและพนักงานจากทุกสายธุรกิจได้ทบทวนแนวปฏิบัติ “ความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน” ที่ให้ความสำคัญกับพนักงาน ธุรกิจ และสังคมเท่าเทียมกัน และการนำคุณค่าหลักที่สำคัญ 5 ด้าน คือ ความคิดสร้างสรรค์  ผสานความรู้ คุณภาพ คุณธรรมจริยธรรม และประโยชน์ร่วมกัน สร้างความเข้าใจสู่พนักงาน เพื่อให้สามารถขยายผลแนวปฏิบัตินี้กับผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้ง ลูกค้า คู่ค้า เพื่อเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจที่สร้างความยั่งยืนสำหรับทุกคน

ในกระบวนการจัดงาน Premier Way สรุปได้ 4 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย “การทบทวนแก่นของธุรกิจ”ในแต่ละสายธุรกิจที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่แตกต่างกัน เข้าใจ“คุณค่าที่ธุรกิจได้ส่งมอบให้กับสังคมและชุมชน” ว่าสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในด้านต่างๆ ทั้งความมั่นคงทางอาหาร การบริหารจัดการ ใช้งานทรัพยากรน้ำและพลังงานสะอาดอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อใช้งานทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมที่ดีงาม รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีและบริการที่ตอบโจทย์กับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และตอกย้ำ “เส้นทางการดำเนินธุรกิจ” ของทุกบริษัทในกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ว่าไม่ว่าจะดำเนินธุรกิจในด้านใด แต่ปลายทางนั้นคือการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและโลกใบนี้

ส่วนสุดท้ายคือ “การระดมสมองเพื่อวางแผนธุรกิจ” ที่มีแกนหลักสำคัญคือ การสร้างความยั่งยืนให้กับสังคม ควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพ เพิ่มทักษะของพนักงานในทุกด้านให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อเป็นกำลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโต เตรียมพร้อมต่อความท้าทายในปี 2568 และในอนาคต พร้อมส่งมอบคุณค่าสู่สังคมผ่านการดำเนินธุรกิจ  เพื่อเป้าหมายการสร้างความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืนตามแนวปฏิบัติของกลุ่มบริษัทพรีเมียร์

 

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ตอกย้ำเจตนารมณ์ งดรับของขวัญ (No Gift) ตามนโยบายการรับของขวัญและงานเลี้ยงรับรองทางธุรกิจ

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ย้ำเจตนารมณ์งดรับของขวัญ (No Gift)
ตาม “นโยบายการรับของขวัญ และงานเลี้ยงรับรองทางธุรกิจ”

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ย้ำเจตนารมณ์งดรับของขวัญ (No Gift) และส่งเสริมให้ทุกสายธุรกิจในกลุ่มฯ ปฏิบัติตาม “นโยบายการรับของขวัญ และงานเลี้ยงรับรองทางธุรกิจ” พร้อมยึดมั่นหลักการทำธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักการกับดูแลกิจการที่ดี

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ยึดถือเรื่อง “ความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน” เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจค่ะ โดยมีเรื่อง “คุณธรรม จริยธรรม” เป็นหนึ่งคุณค่าหลักในการนำมาปฏิบัติการทำงาน และไม่มีนโยบายที่จะรับของขวัญในรูปแบบใดกับผู้ทำธุรกิจ กับกลุ่มฯ เว้นแต่การให้หรือรับของขวัญตามประเพณีนิยมที่อยู่ในเกณฑ์พอสมควรเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ทำธุรกิจกับกลุ่มฯ โดยไม่หวังที่จะได้รับการบริการหรือสิ่งตอบแทนโดยเฉพาะเจาะจงที่ไม่ถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณทางธุรกิจ

เทศกาลปีใหม่นี้ สามารถมอบความสุขให้แก่กัน โดยร่วมกันเปลี่ยนของขวัญเป็นคำอวยพร และร่วมกันสร้างมาตรฐานที่ดีในการดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส ให้สอดคล้องกับนโยบายต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันทุกรูปแบบ​

Without Illusion – อปมายา (อะ-ปะ-มา-ยา) งานนิทรรศการ ณ โรงแรมรายาเฮอริเทจ จ.เชียงใหม่

Without Illusion อปมายา : ศิลปะที่ปลดเปลื้องถึงแก่นแท้
นิทรรศการโดย ศิริพงษ์ เรืองศรี และ ศิริรัตน์ จิวานุวงศ์ โรงแรมรายา เฮอริเทจ

เพราะความตั้งใจที่จะรักษาศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์  และต้องการขยายเสน่ห์เหล่านี้ออกไปให้อยู่คู่กับคนรุ่นหลังไม่ให้เลือนหายไป เป็นหนึ่งหัวใจของการดำเนินธุรกิจของโรงแรมรายาเฮอริเทจ

โรงแรมรายา เฮอริเทจ นําเสนอ Without Illusion – อปมายา (อะ-ปะ-มา-ยา) นิทรรศการประติมากรรมศิลปะร่วมสมัยและเครื่องประดับเงินที่ชวนหลงใหล โดยศิริพงษ์ เรืองศรี และศิริรัตน์ จิวานุวงศ์ ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ด้วยสัญชาตญาณ พร้อมเผยให้เห็นถึงความงามของศิลปะจากดินและเงินที่ปราศจากการปรุงแต่ง สรรสร้างในแนวทางเฉพาะตัวของศิลปินทั้งสอง

แรงบันดาลใจจากสัญชาตญาณและอารมณ์  งานประติมากรรมของศิริพงษ์ล้วนได้รับแรงบันดาลใจจากการสังเกตอากัปกิริยาของผู้คนในชีวิตประจําวัน นำมาแปลความหมายผ่านวัสดุหลากหลายที่อยู่รอบตัว ทั้งโลหะ ไม้ ดิน และหิน  ก่อเกิดงานที่สะท้อนความงามตามธรรมชาติและความเป็นจริง ทั้งยังปล่อยให้รูปทรงของวัสดุและอารมณ์เหล่านั้นนําพาไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งผลงานทุกชิ้นของศิริพงษ์ล้วนแล้วแต่ให้ความสําคัญกับสัญชาตญาณมากกว่าโครงสร้างที่ตายตัวและการปรุงแต่งใดๆ

ความร่วมมือโดยบังเอิญ นับเป็นเรื่องบังเอิญที่ศิลปินทั้งสองมีแนวคิดในการสร้างสรรค์ศิลปะพ้องกัน ทั้งในเรื่องของอารมณ์และความงามที่จริงใจ ทำให้ชิ้นงานเครื่องประดับของศิริรัตน์กลับมามีชีวิตชีวาและเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้งบนผลงานประติมากรรมของศิริพงษ์

Without Illusion – อปมายา ได้เชื้อเชิญให้ทุกท่านเข้ามามีส่วนร่วมกับงานศิลปะที่บริสุทธิ์และปราศจากการปรุงแต่ง ผลงานแต่ละชิ้นสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของศิลปินในการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดหรือรูปแบบของงานก็ล้วนเผยให้เห็นถึงพลังแห่งสัญชาตญาณและวิธีการการสร้างสรรค์ที่มีความสำคัญไม่ต่างจากผลงานที่ปรากฏ ซึ่งนอกจากจะเป็นนิทรรศการที่นำเสนอมุมมองของพลังบริสุทธิ์และการแสดงออกถึงงานศิลปะเท่านั้น Without Illusionอปมายา ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขอบเขตและเชื่อมโยงให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงแรงขับเคลื่อนที่ศิลปินทั้งสองมีต่อผลงานในครั้งนี้อีกด้วย

ผู้ที่สนใจสามารถร่วมชมนิทรรศการประติมากรรมศิลปะร่วมสมัยและเครื่องประดับเงิน  Without Illusion – อปมายา (อะ-ปะ-มา-ยา)  ได้ที่โรงแรมรายาเฮอริเทจ  จ.เชียงใหม่ วันที่ 9 ธ.ค. 67 ถึง วันที่ 31 ม.ค. 68  (เข้าชมฟรี)

บริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล SET Award 2024: Outstanding Company Performance Award

บริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
ได้รับรางวัล SET Award 2024
Outstanding Company Performance Award

บริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)  (PT) ได้รับรางวัล SET Award 2024 : Outstanding Company Performance Award ในกลุ่มรางวัล Business Excellence จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 ต.ค 2567 ที่ผ่านมา สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยแนวปฏิบัติความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน

SET Awards เป็นรางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จของตลาดทุนไทย มอบให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่มีความยอดเยี่ยมและโดดเด่นในด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้แก่บริษัทจดทะเบียนไทย

 

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ มุ่งพัฒนาพนักงาน ให้เติบโตไปกับองค์กรกับคอร์สเรียน Digital Marketing

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ มุ่งพัฒนาพนักงาน ให้เติบโตไปกับองค์กร
สนับสนุนความรู้ให้พนักงาน กับคอร์ส Digital Marketing

คนสำคัญที่เป็นผู้ขับเคลื่อนองค์กรให้เดินไปข้างหน้าก็คือพนักงานค่ะ  การพัฒนาศักยภาพพนักงานคือสิ่งที่กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ทำมาตลอดเพื่อให้พนักงานของเรา มีศักยภาพในทุกๆ ด้าน สามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของโลกปัจจุบัน

Digital Marketing   คอร์สเรียนที่นำมาสนับสนุนให้ความรู้กับพนักงานพรีเมียร์ เพื่อให้พนักงานได้ความรู้และสามารถปรับตัวในยุคที่การแข่งขันสูงในยุคปัจจุบัน

  • ได้เข้าใจและมีมุมมองสำคัญของการทำการตลาดดิจิทัล ซึ่งมีบทบาทสำคัญกับธุรกิจในปัจจุบัน
  • มีมุมมองที่ถูกต้องถถึงการใช้งานเครื่องการตลาดดิจิทัลกับการทำงานในแบบต่าง ๆ
  • รู้หลักสำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดจากการใช้เครื่องมือการตลาดดิจิทัลเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่มากขึ้น

คอร์สนี้ มีเนื้อหาที่น่าสนใจที่สามารถปรับไปใช้กับการทำงานได้ อาทิ หัวใจสำคัญ 3 ข้อของการทำการตลาด Audience Optimization, Content Optimization, Channel Optimization รูปแบบเนื้อหาการสื่อสารมีหลายรูปแบบที่ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสื่ออย่างเหมาะสม  / พฤติกรรมการซื้อของจากกลุ่มลูกค้า  เพื่อให้เราเลือกช่องทางการตลาดให้เหมาะสมมากที่สุด

รวมไปถึงขั้นตอนการเจาะลูกค้าผ่าน Customer’s Journey ขั้นตอนการซื้อสินค้าของลูกค้าที่มีหลาย step  ซึ่งการทำการตลาด ไม่ใช่เพียงการทำโฆษณา แต่ต้องคิดให้ครอบคลุมทั้งประสบการณ์การซื้อและการใช้สินค้าของลูกค้าให้ครบถ้วนด้วย จึงจะเป็นการทำการตลาดที่ยั่งยืน

  1. Trigger ลูกค้าเกิดความต้องการสินค้าและบริการนั้นๆ
  2. Research การหาตัวเลือกของสินค้าและบริการ
  3. Consider การพิจารณาเลือก ซึ่งมีหลายปัจจัยในการเลือก แล้วแต่พฤติกรรมของลูกค้านั้นๆ
  4. Purchase ตัดสินใจซื้อ เกิดขึ้นได้ทั้งออนไลน์และไปซื้อที่ร้าน ดังนั้นการออกแบบการปิดการขายในขั้นตอนนี้ก็สำคัญมากเช่นกัน ที่ต้องสะดวก รวดเร็ว หรือมีเซล์/ พนักงานให้บริการที่ร้าน เป็นต้น
  5. Support ต้องการความช่วยเหลือ เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าไปแล้ว อาจจะมีคำถามในการใช้งาน หรือปัญหาที่ต้องการแก้ไข ดังนั้นควรมีการออกแบบระบบ /ขั้นตอนการดูแลหลังการขายด้วยเช่นกัน เป็นต้น 

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ยึดถือแนวปฏิบัติ ความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืนการที่องค์กรจะไปถึงจุดนั้นได้ พนักงานคือคนสำคัญที่องค์กรจะต้องผลักดัน สนับสนุนองค์ความรู้ให้กับพวกเขาได้เพิ่มศักยภาพอย่างต่อเนื่อง  เพราะสิ่งที่ดีต่อธุรกิจ ต้องสร้างคุณค่าต่อสังคมและพนักงาน จึงจะถือเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

  

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ยึดถือแนวปฏิบัติ ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ร่วมแสดงพลังเป็นพลเมืองตื่นรู้ร่วมต้านโกงในรูปแบบออนไลน์

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติเรื่องการต่อต้านทุกจริตคอร์รัปชัน
ร่วมแสดงพลังเป็นพลเมืองตื่นรู้ร่วมต้านโกงในรูปแบบออนไลน์

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติเรื่องการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ตลอดมาโดยให้ความสำคัญต่อการกำกับดูแล กิจการภายใต้กรอบการบริหารจัดการของการมีจริยธรรมที่ดี มีความโปร่งใสซึ่งสามารถตรวจสอบได้โดยเฉพาะกระบวนการที่เกี่ยวข้องหรือสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตภายในกลุ่มบริษัทรวมถึงการคอร์รัปชันทุกรูปแบบไม่ว่าทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งกลุ่มบริษัทได้มีข้อกำหนดนโยบายด้านการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันไว้อย่างชัดเจน และสื่อสารให้พนักงานได้ทราบเสมอมา

เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา เนื่องวันต่อต้านคอร์รัปชัน  ที่ได้มีการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน พนักงานและตัวแทนของบริษัทในกลุ่ม ได้เข้าร่วมแสดงพลังเป็นพลเมืองตื่นรู้ร่วมต้านโกงในรูปแบบออนไลน์ ครั้งนี้จัดขึ้นในคอนเซ็ปต์ “โกง…แบบโปร่งใส” หรือ “ESG …G เหมือนมี แต่มองไม่เห็น” ความหมายคือในสถานการณ์ที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤติในทุกมิติ ทุกองค์กรหันมาใช้แนวทาง ESG ยึดถือในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง  E – Environment  การร่วมมือรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม , S – Social  การรับผิดชอบต่อสังคม , G – Governance  การมีธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ

ในขณะที่ตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมมีความคืบหน้า แต่ปัญหาคอร์รัปชันยังไม่ลดลงรวมถึงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันยังเกิดนวัตกรรมคอร์รัปชัน ที่มีความซับซ้อนซ่อนกล และแนบเนียนขึ้น จนเกิดคำว่า “โกง…แบบโปร่งใส” หรือ “ESG …G เหมือนมี แต่มองไม่เห็น

หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือการกล่าวแสดงความเห็นถึงเรื่องคอร์รัปชันในปัจจุบัน จากคุณวิเชียร พงศธร ในฐานะประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โดยคุณวิเชียรกล่าวว่า

“ปัจจุบันเป็นที่ประจักษ์ว่า ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันได้บั่นทอนความน่าเชื่อถือของนานาประเทศต่อประเทศไทยถึงขั้นวิกฤติ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ รวมทั้งคนไทยทุกคน จึงจำเป็นที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันเร่งฟื้นฟูความน่าเชื่อถือของประเทศอย่างเร่งด่วน และจำเป็นจะต้องช่วยกันเอาชนะคอร์รัปชันให้ได้ เพราะจะส่งผลดีต่อความยั่งยืนของภาคธุรกิจ ความยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจ และความยั่งยืนของสังคมไทย จึงขอเชิญชวนทุกฝ่าย ทุกภาคส่วนมาฮั้วกันต้านโกง ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ

ทั้งนี้ “ภาคธุรกิจ” ต้องเร่งสร้างความร่วมมือกับคนในห่วงโซ่ได้แก่ องค์กรกำกับ คู่ค้า พนักงาน และลูกค้า รวมทั้งนักลงทุน ร่วมยกระดับธรรมาภิบาล หรือ G-Governance จาก G ที่ไม่ได้รับการใส่ใจ เป็น G ที่ยึดถือและปฏิบัติอย่างเข้มข้น ขณะที่ “ภาคประชาชน” ในฐานะผู้บริโภคสามารถสนับสนุน ส่งเสริม และต่อต้านภาคธุรกิจที่ยอมจำนนต่อการทุจริต มีพฤติกรรมสร้างภาพ หรือฟอกขาว ส่วน “ภาคการเมือง” ทุกพรรค ทุกฝ่าย ต้องร่วมกันผลักดันการจัดการปัญหานี้เป็นวาระเร่งด่วน โดยก่อนหน้านี้องค์กรฯ เคยเสนอต่อภาครัฐจัดตั้ง “วอร์รูมต่อต้านคอร์รัปชัน” เพื่อจัดการวิกฤตินี้แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ดังนั้น เราต้องไม่รอ ต้องจับมือกันเพื่อเอาชนะคอร์รัปชันให้ได้

จากงานวิจัย พบว่า แต่ละปีคนทำมาหากินนักธุรกิจถึง 1 ใน 3 ที่ติดต่อราชการต้องสูญเสียเงินให้กับการคอร์รัปชันสูงเกือบ 300,000 ล้านบาท เมื่อการคอร์รัปชันไม่เคยหยุด การต่อต้านคอร์รัปชันก็หยุดไม่ได้เช่นกัน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ขอเชิญชวนทุกภาคส่วน สร้างมิติใหม่ “ชวนคนไทยต้านโกง” ด้วย 3 ความร่วมมือ ดังนีh

  1. ร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราเอง: ดำเนินธุรกิจที่มีธรรมาภิบาลอย่างแท้จริง กำหนดให้การไม่ทุจริตคดโกงเป็นนโยบายที่สำคัญ มีบทลงโทษที่ชัดเจน ทำให้การต่อต้านคอร์รัปชันเป็นวัฒนธรรมองค์กรยึดถือตั้งแต่ผู้นำไปจนถึงพนักงาน
  2. ร่วมมือกับเครือข่ายและพันธมิตร: ขยายการต่อต้านคอร์รัปชันไปยังคู่ค้า ลูกค้า และพันธมิตรรอบข้าง ให้ครบในทุกห่วงโซ่
  3. ร่วมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่ซื่อตรงโปร่งใส: สนับสนุนและเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) ที่มีสมาชิกกว่า 1,600 บริษัท ผนึกกำลังให้เป็นเครือข่ายของภาคธุรกิจที่ร่วมมือกันต่อต้านการคอร์รัปชันที่เข้มแข็งในทุกรูปแบบ

ถ้าการโกงฮั้วกันได้ การต่อต้านการโกงก็ต้องฮั้วกันได้เช่นกัน

นอกจากนี้ภายในงานยังมีเวที “เท็จ ทอล์ก” เรื่องราว 5 คดีโกงระดับหมู่บ้านถึงระดับชาติ ที่ล้วนมีแต่เรื่องโกหกหลอกลวงมาเล่าสู่กันฟัง และเวทีเสวนาการเปิดตัวกลยุทธ์ใหม่ “White Brand” หรือ “แบรนด์ที่ธรรมาภิบาลขาวสะอาด” อันจะเป็นส่วนหนึ่งของรางวัล Thailand’s Most Admired Company ที่เป็นการจัดโดย Brand Age สื่อชั้นนำของประเทศ ซึ่งทุกปีจะมีการจัดอันดับแบรนด์ที่สังคมชื่นชมสูงสุด โดยปี 2568 จะมีการเพิ่มการวัดผลของตัว G- Governance ด้วยระบบการวิเคราะห์วัดผลอย่างมีมาตรฐานระดับโลก เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจไทยร่วมมือกันต่อต้านคอร์รัปชันตามแนวทางESG อย่างครบองค์ประกอบ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจอย่างต่อต้านการโกงเป็นไปอย่างชัดเจนและอยู่ในสายตาของผู้บริโภคและสังคม

บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล Investors’ Choice Award ครั้งที่ 5 ประจำปี 2567

บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
ได้รับรางวัล “Investors’ Choice Award ครั้งที่ 5 ประจำปี 2567”

บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน) (PPP) และ บริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (PT) ได้สร้างความไว้วางใจให้กับผู้มีส่วนได้เสียด้วยการดำเนินธุรกิจตามแนวปฏิบัติ “ความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน” มาโดยตลอด รวมถึงมีการจัดการประชุมผู้ถือหุ้นด้วยความโปร่งใส โดยมีการเปิดเผยข้อมูลและให้ความเท่าเทียมกันกับบุคคลทั้ง 3 กลุ่มที่มาเข้าร่วมประชุม คือ คณะกรรมการ ผู้บริหาร และผู้ถือหุ้น/ผู้ถือหน่วยของบริษัท

จากความมุ่งมั่นในการทำงาน บริษัทจึงได้รับรางวัล Investors’ Choice Award” จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ซึ่งเป็นผลมาจากการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ด้วยคะแนนเต็ม 100 ติดต่อกันเป็นปีที่ 11  โดย คุณสุรเดช บุณยวัฒน ประธานกรรมการ บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน) (PPP ) และ คุณวรรณา คลศรีชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (PT) และทีมงานเลขานุการบริษัท เข้าร่วมรับรางวัลจาก คุณยิ่งยง นิลเสนา นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ที่หอประชุมศาสตราจารย์ สังเวียน  อินทรชัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่  30 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา

สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (Thai Investors Association) เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ก่อตั้งเมื่อปี 2532 และได้รับการแต่งตั้งเป็น “องค์กรตัวแทนผู้ถือหุ้นรายบุคคล” จากสำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อปี 2545 โดยมีภารกิจหลักคือดำเนินโครงการ “การประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญ/วิสามัญผู้ถือหุ้นและผู้ถือหน่วยของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” ตั้งแต่ปี 2549 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ยาวนาน 19 ปี ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน อีก 7 องค์กรเสมอมา อาทิ สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.), ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.), สมาคมบริษัทจัดการลงทุน, สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย, กองทุนบำเหน็จบำนาญ-กบข., สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยมีการจัดมอบรางวัล Investors’ Choice Award ให้กับบริษัทจดทะเบียนฯ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับองค์กรที่มีความใส่ใจในการกระทำความดี และเป็นการสร้างมาตรฐานการจัดประชุมกับผู้ถือหุ้นด้วยความโปร่งใส มีการเปิดเผยข้อมูลและการให้ความเท่าเทียมกันของผู้ถือหุ้น/ผู้ถือหน่วยของบริษัท

 

พรีเมียร์ เลิร์นนิ่ง อะคาเดมี่ ศูนย์การเรียนรู้ เพิ่มศักยภาพ ด้วยคุณค่าหลักเพื่อพนักงานพรีเมียร์

พรีเมียร์ เลิร์นนิ่ง อะคาเดมี่
ศูนย์การเรียนรู้ เพิ่มศักยภาพ ด้วยคุณค่าหลักเพื่อพนักงานพรีเมียร์

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ให้ความสำคัญกับพนักงาน เทียบเท่ากับเรื่องธุรกิจและสังคม เพราะพนักงานคือหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโต ก้าวหน้าตามทิศทางและกลยุทธ์ต่างๆ ที่องค์กรได้วางไว้ Premier Learning Academy ศูนย์การเรียนรู้เพื่อพนักงานพรีเมียร์ที่มีหน้าที่จัดฝึกอบรมและพัฒนาศักยภาพของพนักงานพรีเมียร์มาต่อเนื่อง  โดยมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ มารับผิดชอบในส่วนนี้โดยตรง

คุณอโนมา ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา ที่ปรึกษากลุ่มบริษัทพรีเมียร์ กล่าวว่า “Premier Learning Academy  (PLA)  เป็นศูนย์การเรียนรู้ เริ่มต้นจากการอบรม หลักสูตรพัฒนาศักยภาพผู้นำตามคุณค่าหลัก ให้กับผู้บริหารระดับต้นถึงระดับกลางของกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ และได้พัฒนาหลักสูตรการบริหารตนเองสู่ความสำเร็จ สำหรับพนักงานระดับปฏิบัติการ  ซึ่งทีมได้ทำเป็นต้นแบบ และสร้าง Premier Trainer  จากทุกสายธุรกิจ เพื่อเป็นตัวแทนพนักงานที่ได้อบรมกับเรา และสามารถถ่ายทอดต่อให้กับพนักงานคนอื่นๆ ในสายธุรกิจของตนเอง   ซึ่งพนักงานทั้งองค์กรของกลุ่มบริษัทพรีเมียร์รวมกว่า 4,000 คน เพื่อให้พนักงานทุกคนได้เข้าใจและสามารถนำคุณค่าหลักมาปฏิบัติใช้ในการทำงานได้จริง

จากจุดเริ่มต้น พัฒนาสู่ Training Roadmap

คุณกัญธลีวัลย์ ช่วยบุญ ผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์พัฒนาการเรียนรู้ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์  ทำงานร่วมกับฝ่ายทรัพยการบุคคล (HR) ทุกสายธุรกิจมาต่อเนื่อง ได้ต่อยอดเชิญชวน HR ออกแบบหลักสูตรพัฒนาศักยภาพพนักงานกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ร่วมกับทีม PLA เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาบุคลากร (Individual Development Plan: IDP) ที่แตกต่างกันตามลักษณะการดำเนินธุรกิจของทุกๆ สายธุรกิจ ผ่านการพูดคุยออกแบบจนเกิดเป็น Training Roadmap ของกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ที่สอดคล้องทั้งสมรรถนะหลัก (Core Competencies) และสมรรถนะด้านการบริหารจัดการ (Managerial Competencies) ครอบคลุมกับพนักงานทุกสายธุรกิจ เพื่อให้พนักงานในกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ได้เพิ่มพูนทักษะความรู้ ความเชี่ยวชาญ ตามแนวทางการพัฒนาศักยภาพพนักงานตามที่บริษัทต้องการ

ซึ่งหลักสูตรที่พัฒนาศักยภาพพนักงานจะมีทั้งหมด 3 กลุ่ม คือ 1.  หลักสูตรพื้นฐานสำหรับพนักงานและหัวหน้างาน (Premier Compulsory Courses) เช่นหลักสูตรการจัดการภาวะผู้นำตามคุณค่าหลัก หลักสูตรการเงินเพื่อผู้บริหารสายงาน เป็นต้น   2. หลักสูตรเพื่อการพัฒนาสมรรถนะด้านการบริหารจัดการและคุณค่าหลัก (Managerial & Core Value Courses)  เช่นหลักสูตรการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการทีม เป็นต้น  และสุดท้ายเป็นหลักสูตรที่ออกแบบตามความต้องการของสายธุรกิจเป็นการเฉพาะ (Requested Available course) เช่น หลักสูตรการบริการที่เป็นเลิศ ที่อบรมให้กับพนักงานสายปฏิบัติการ เช่น พนักงานหน้าร้านปันกัน  รวมถึงเป็นหลักสูตรเพิ่มพูนความรู้ด้านต่างๆ ที่เราได้ออกแบบไว้แล้ว เช่น หลักสูตรการใช้เงินเป็น เห็นเงินออม, หลักสูตรการพัฒนาบุคลิกภาพ ที่จัดอบรมให้ตามความต้องการของสายธุรกิจ อีกด้วย

คุณวารีรัตน์ เสริมธาดาทรัพย์ ผู้อำนวยการ ศูนย์พัฒนาการเรียนรู้ ได้ขยายความเข้าใจถึงแผนการทำงานในปีนี้ว่า “หลักสูตรเพื่อการพัฒนาสมรรถนะด้านการบริหารจัดการและคุณค่าหลัก (Managerial & Core Value Courses) ประกอบด้วย 8 ด้าน ที่สอดคล้องกับแนวปฏิบัติคุณค่าหลัก คือ การมีวิสัยทัศน์ การแก้ปัญหาและการตัดสินใจ การสื่อสาร การทำงานเป็นทีมและการสร้างเครือข่าย การปลูกฝังแนวคิดและการสร้างแรงบันดาลใจ การเป็นโค้ชที่ดี  การปฏิบัติงานให้สำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ และสุดท้ายคือ การปกครองแบบมีธรรมาภิบาล ซึ่งจากการทำงานร่วมกับสายธุรกิจ พบว่ามีสมรรถนะ 3 ด้านหลักที่ต้องเร่งพัฒนา ติดอาวุธให้พนักงานมีความรู้และศักยภาพเท่าทันกับการเติบโตของธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงของโลก คือ สมรรถนะการสื่อสาร 2.การแก้ปัญหาและตัดสินใจ และการทำงานเป็นทีมและการสร้างเครือข่าย และสมรรถนะที่ผู้บริหารให้ความสำคัญมากๆ ในปี 2566 นี้ ทักษะการเป็นโค้ชที่ดี ทีม PLA จึงเร่งทำหลักสูตรโค้ชเพื่อสร้างคน  (Leader as Coach) ตั้งแต่ต้นปี 2566 จนถึงปัจจุบัน เราได้เร่งดำเนินการอบรมและพัฒนาผู้นำกว่า 200 คนรวมทั้งหมด 11 รุ่น เพื่อให้พนักงานที่เป็นหัวหน้างานได้มีทักษะการเป็นโค้ชที่ดีให้กับทีมและเพื่อนร่วมงาน  เป็นการนำนโยบายที่ได้รับมาจากผู้บริหาร ลงไปสู่การปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริง และเกิดวัฒนธรรมของการโค้ช การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และการทำงานเป็นทีมด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน

คุณอโนมา ได้สรุปในตอนท้ายว่า “นอกจากงานพัฒนาศักยภาพของพนักงานแล้ว ทีม PLA ยังมีงานสำคัญอีก 2 ประการคือ งาน Executive coaching เป็นการโค้ชชิงผู้บริหารให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น  และ Coaching Clinic หลักสูตรเพื่อพนักงานทุกคน และอีกหนึ่งงานที่เราทำมาหลายปีแล้ว คือ งาน Well Being Interview การพูดคุยสัมภาษณ์เรื่องความอยู่ดีมีสุขกับพนักงานพรีเมียร์ทุกคน เพื่อนำมาปรับปรุงความอยู่ดีมีสุขของพนักงาน 

ทีม PLA จะพัฒนาหลักสูตรที่มีประสิทธิภาพ โดยสร้างการมีส่วนร่วม ทำงานร่วมกับทุกๆคน และผู้ทรงคุณวุฒิภายในองค์กร และผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกองค์กร เพื่อผลิตหลักสูตรที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาผู้นำ และพนักงานของเราให้ตอบโจทย์เป้าหมายการดำเนินธุรกิจด้วยความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน  

DCS พร้อมให้บริการ monday.com เวอร์ชั่น Enterprise

DCS พร้อมให้บริการ monday.com เวอร์ชั่น Enterprise
ทรานส์ฟอร์มกระบวนงาน ร่วมจัดการทุกแผนกในจุดเดียว

บริษัท ดาต้าโปรคอมพิวเตอร์ ซิสเต็มส์ จำกัด (DCS)  พร้อมให้บริการ monday.com แพลตฟอร์มบริการจัดการภาระงาน (Work Management) หรือกระบวนการต่าง ๆ ภายในธุรกิจผ่าน Cloud สำหรับองค์กรทุกขนาดในทุกภาคอุตสาหกรรม โดยได้นิยามแพลตฟอร์มของตัวเองว่าเป็น “ระบบปฏิบัติการทำงาน (Work OS)” ที่จะสนับสนุนให้ทุกไอเดียในองค์กรสามารถดำเนินงานออกมาได้ดียิ่งขึ้น

monday.com ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2012 ในฐานะสตาร์ตอัปภายใต้ชื่อ daPulse ผู้พัฒนาเครื่องมือบริหารจัดการโครงการ (Project Management) ก่อนจะรีแบรนด์ใหม่มาเป็น “monday.com” ในปี 2017 โดยหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของ monday.com คือการเข้าไปลิสต์อยู่ในตลาด Nasdaq ในปี 2021 ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด 

ด้วยหน้าจอที่สวยงาม ใช้งานง่าย มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมฟังก์ชันการทำงานในแทบทุกกระบวนการ และเป็นลักษณะแบบ Low Code/No Code ที่จัดการได้ง่าย จึงทำให้ปัจจุบัน monday.com มีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 225,000 ราย พร้อมทั้งมีพนักงานมากกว่า 1,900 คนที่อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนแพลตฟอร์ม monday.com ในทุกวันนี้

ฟีเจอร์อันหลากหลายภายใน monday.com ไม่ว่าองค์กรจะต้องการทำงานรูปแบบใด หรืออยู่ในอุตสาหกรรมใด ก็สามารถเลือกใช้งาน monday.com บริหารจัดการงานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น โดยแพลตฟอร์ม monday.com มีฟีเจอร์มากมาย ที่สนับสนุนให้การบริหารจัดการงานเป็นไปได้อย่างยืดหยุ่น เช่น

  • Board จุดเริ่มต้นของทุกสิ่งบน com ที่องค์กรสามารถจัดแบ่งกลุ่มงาน (Group) กำหนดงาน (Task) หรืองานย่อย (Sub-Task) ได้ และเมื่อมี Board จำนวนมาก ๆ ก็สามารถจัดกลุ่มใส่โฟลเดอร์ (Folder) ให้ดูง่ายขึ้นได้อีกด้วย
  • Column หลังจากกำหนด Task ขึ้นมาแล้ว ก็สามารถกำหนดผู้รับผิดชอบ ความสำคัญ (Priority) สถานะ (Status) วันที่ กรอบเวลา ในแต่ละ Task ได้ทันที ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนด Column ใหม่ขึ้นมาเองได้อย่างง่ายดาย
  • Communicate แต่ละงานสามารถสื่อสารหรือส่งไฟล์กับเพื่อนร่วมงานได้ผ่านการแท็ก (Tag) ในแต่ละ Task ทันที ซึ่งเพื่อนร่วมงานจะได้รับการแจ้งเตือนเพื่อให้เข้ามาตรวจสอบหรือติดตามความคืบหน้าได้อย่างรวดเร็ว
  • Board View มุมมองของบอร์ดที่สามารถปรับแต่ง เปลี่ยนไปเป็นรูปแบบอื่น ๆ ได้นอกจากตารางที่เป็นค่าตั้งต้น เช่น Chart, Gantt Chart หรือว่า Kanban ที่จะทำให้สามารถหาข้อมูลเชิงลึก (Insight) จากมุมมองอื่น ๆ ได้ รวมทั้งสามารถนำเสนอได้ตามบริบทที่เหมาะสมอีกด้วย
  • Automation, Integration & App ที่จะช่วยลดหลาย ๆ งานที่ต้องทำแบบ Manual ให้สามารถกลายเป็นกระบวนการอัตโนมัติด้วยการเชื่อมโยงไปยังแอปพลิเคชัน 3rd Party ได้ทันที เช่น หาก Status เปลี่ยนเป็น Done แล้ว ให้แจ้งเตือนไปที่ทีมงานอีกท่านผ่าน Slack เลย เป็นต้น
  • Dashboard ที่สามารถมองเห็นภาพใหญ่ของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ของทีมงาน ความคืบหน้าของโครงการได้ง่ายขึ้น ผ่านแผนภาพ (Chart) ต่าง ๆ ที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ
  • Workdocs พื้นที่กลางเสมือนไวท์บอร์ด (Whiteboard) ที่สามารถใช้ทำข้อมูลหรือเอกสารร่วมกัน ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูล Task, Chart หรือแม้กระทั่ง Board ให้สามารถใช้ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น
  • WorkForms ที่สามารถสร้าง Form เพื่อใช้เก็บข้อมูลจากผู้ใช้งานนอกแพลตฟอร์มได้อย่างรวดเร็ว เช่นการเก็บกลุ่มคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้า (Lead) ซึ่งเมื่อมีคนกรอกข้อมูลเข้ามาแล้ว ข้อมูลจะถูกจัดเก็บเป็น Task ใน Board เพื่อติดตามสถานะต่อไปได้ทันที

3 ผลิตภัณฑ์หลักของ monday.com

  1. monday Work Management  ผลิตภัณฑ์ที่จะสนับสนุนให้ทีมงานภายในองค์กรสามารถจัดการภาระงานต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะมีกี่โครงการ ทีมงานซับซ้อนเพียงใด ก็สามารถทำให้พนักงานโฟกัสในงานที่มีความสำคัญได้อย่างถูกต้อง ว่าต้องทำงานอะไรก่อนหลังและต้องเสร็จภายในวันเวลาใด  โดย monday Work Management สามารถนำไปประยุกต์ใช้บริหารจัดการงานได้ในหลากหลายประเภทซึ่งจะทำให้ทุกแผนกภายในองค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้ผ่านแพลตฟอร์มนี้ ไม่ว่าจะเป็นทีม IT, Support, Sales, Marketing, Customer Relationship Management (CRM), Design, Product Development ล้วนสามารถใช้ monday Work Management บริหารจัดการได้ทั้งสิ้น ซึ่งจะเริ่มต้นแบบกำหนดเอง หรือจะเลือกใช้เทมเพลต (Template) ที่กำหนดกระบวนงานไว้ให้แล้วก็ได้monday CRM แพลตฟอร์มที่สนับสนุนกระบวนการทำงานของฝ่ายขาย (Sale) รวมทั้งการจัดการกับข้อมูลลูกค้าแบบครบวงจร ผ่านเครื่องมือที่สนับสนุนการทำงานของฝ่ายขายที่ครบถ้วน และทำให้การจัดการกับ Lead ได้อย่างไร้รอยต่อ เห็นภาพรวมของการซื้อขาย (Deal) ที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อให้สามารถปิดการขายได้เร็วยิ่งขึ้น และไม่พลาดที่จะบริหารจัดการ Lead ให้กลายมาเป็นลูกค้าได้อย่างครบถ้วน

  2. นอกจากนี้ monday CRM ยังสามารถเชื่อมโยงไปยังแอปพลิเคชันอื่น ๆ อย่าง Zoom เพื่อนัดติดต่อโทรคุยหรือนัดหมายประชุมได้เลย รวมทั้งยังมี Dashboard เพื่อดูภาพรวมว่าตอนนี้ผลลัพธ์ ยอดขาย จำนวน Lead นั้นเป็นเช่นใดบ้าง เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขายได้อย่างทันท่วงที
    monday CRM แพลตฟอร์มที่สนับสนุนกระบวนการทำงานของฝ่ายขาย (Sale) รวมทั้งการจัดการกับข้อมูลลูกค้าแบบครบวงจร ผ่านเครื่องมือที่สนับสนุนการทำงานของฝ่ายขายที่ครบถ้วน และทำให้การจัดการกับ Lead ได้อย่างไร้รอยต่อ เห็นภาพรวมของการซื้อขาย (Deal) ที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อให้สามารถปิดการขายได้เร็วยิ่งขึ้น และไม่พลาดที่จะบริหารจัดการ Lead ให้กลายมาเป็นลูกค้าได้อย่างครบถ้วน

  3. monday dev แพลตฟอร์มบริหารจัดการงานสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่จะเชื่อมโยงให้ทีมนักพัฒนาระบบ ทีมออกแบบผลิตภัณฑ์ และทีมธุรกิจสามารถร่วมกันทำงาน จัดการ Task ที่ต้องทำเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือโซลูชันขึ้นมาให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดได้อย่างไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น เร็วขึ้น ยืดหยุ่นได้ตามกระบวนงานของทุกองค์กร  ไม่ว่าทีมงานจะมีรูปแบบการทำงานเป็นลักษณะใด เช่น Scrum, Kanban, Waterfall หรือว่า Hybrid แบบใด ๆ ก็สามารถใช้ monday dev ในการบริหารจัดการ Task ที่ต้องทำได้ทั้งสิ้น โดยสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากเครื่องมืออื่น ๆ เช่น Excel, Asana, Jira, Asana รวมทั้ง GitHub ที่จะเห็น Issue ที่มีเพื่อนำเข้ามาสร้างเป็น Board บน monday dev ได้ทันที

ทั้งหมดนี้คือภาพรวมเบื้องต้นของ monday.com เครื่องมือบริหารจัดการงานที่เรียกตัวเองว่าเป็น “Work OS” ที่พร้อมสนับสนุนการบริหารจัดการงานในทุก ๆ แผนกได้ภายในเครื่องมือเดียว ที่จะสามารถเชื่อมโยงงานทุกส่วนภายในองค์กรไว้ในจุดเดียวได้ และทำให้ไซโลของจัดการงานหายไป ไม่จำเป็นต้องซื้อผลิตภัณฑ์บริหารจัดการแยกในแต่ละแผนกอีกต่อไป

ไม่ว่าองค์กรจะมีพนักงานกี่คนก็สามารถใช้งาน monday.com บริหารจัดการตามกระบวนงานที่ต้องการได้ทั้งสิ้น และด้วยฟีเจอร์ที่มากมายของ monday.com จะทำให้องค์กรมองเห็นภาพรวม สถานะ ความคืบหน้าของงานต่าง ๆ ของทั้งองค์กรได้อย่างครบครัน และที่สำคัญคือในเวอร์ชัน Enterprise ของ monday.com จะมีฟีเจอร์ Security และ Automation ที่จะทำให้การบริหารจัดการมีความไหลลื่นมากขึ้น

หากองค์กรใดสนใจใช้งาน monday.com เวอร์ชัน Enterprise สามารถติดต่อทาง Datapro Computer Systems ได้ทันที โดยติดต่อได้ที่ sales@dcs.premier.co.th หรือ โทร 02-714-5995

This site is registered on wpml.org as a development site.