ACT เปิดผลโพลประชาชนเรียกร้อง “นายกฯใหม่”
บังคับใช้กฎหมายปราบโกงให้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้นำต้านโกง

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) สะท้อนความเห็นประชาชนหัวข้อ “สิ่งที่ต้องการให้นายกฯคนใหม่ทำเพื่อปราบปรามคอร์รัปชัน” ผ่านเวทีงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2568 “ไม่โกง ไม่เกิด..จริงหรือ?” ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 6 กันยายน 2568 ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผลปรากฏว่า อันดับ 1 คือ ทำให้กฏหมายปราบโกงต้องศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ประธานองค์กรฯ ย้ำ ผู้นำต้องแสดงเจตจำนงทางการเมือง เป็นตัวอย่าง “ต้านโกง” ทั้งไม่ปล่อยคนใกล้ตัวทุจริต, ผลักดันการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ, และไม่แทรกแซงองค์กรอิสระ

โดยสรุป 5 อันดับผลโพล หัวข้อ “สิ่งที่ต้องการให้นายกคนใหม่ทำเพื่อปราบปรามคอร์รัปชัน” คือ

  1. ทำให้กฎหมายการโกงชาติศักดิ์สิทธิ์
  2. ขอให้นายกฯเป็นผู้นำที่แท้จริงในการปราบโกงอย่างไม่ไว้หน้าใคร
  3. จัดการคนโกงในรัฐบาลให้เด็ดขาด
  4. เปิดช่องทางให้ประชาชนตรวจสอบได้
  5. ปราบปรามการทุจริต ไม่โกง ไม่กิน ไม่ขายชาติ

ยิ่งสังคมกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤติภาวะผู้นำ ประชาชนยิ่งจะต้องสะท้อนเสียงออกมาดังๆ และเริ่มทำหน้าที่พลเมืองทันทีก่อนจะไปต่อในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ให้ร่วมกันเลือกคนดีเข้าสภา เพื่อที่เราจะได้รัฐบาลที่เด็ดขาดกับการปราบโกง กล้าลงโทษคนผิด ไม่ปล่อยให้ระบบยุติธรรมถูกบิดเบือน แต่งตั้งข้าราชการโดยยึดหลักคุณธรรม ให้คนดีมาเป็นใหญ่ในระบบราชการ ไม่ใช่คนที่ชำนาญการโกงเมื่อถึงวันนั้น ประเทศไทยของเราจะดีขึ้นอย่างแน่นอน คนดีต้องเกิดได้จริง โดยไม่ต้องโกง” ดร.มานะกล่าว

จากผลการสำรวจที่ จัดทำโดย ACT เดือนกรกฎาคม พ.. 2568 พบว่า ประชาชนกว่า 70% ชี้ว่า ต้นตอของปัญหาคอร์รัปชัน คือ “นักการเมือง” รองลงมาคือ “ข้าราชการ” (55%) และ “นักธุรกิจ/ผู้รับเหมา” (29%) โดยมี “ประชาชน” บางส่วน (7%) สมรู้ร่วมคิด ส่วนเหตุผลที่การโกงยังมีอยู่และยิ่งซับซ้อน มาจาก 1.การถอนทุนคืน หลังเข้าสู่อำนาจ (44%) และ 2.คิดว่าใคร ๆ ก็ทำกันเป็นวัฒนธรรมปกติ (41%) เมื่อถามถึงแนวทางที่จะสามารถลดคอร์รัปชันได้จริง ประชาชนมองว่า 1.กำหนดบทลงโทษรุนแรง และลงโทษจริง 2.ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ และการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐอย่างโปร่งใส

โดย 4 กลุ่มพลังคนรุ่นใหม่ที่จะมา reset ประเทศไทย คือ

  • ประชาชนรุ่นใหม่ (61%) ที่จะต้องเลิกเงียบ เลิกชินกับการทุจริต
  • นักการเมืองรุ่นใหม่ (34%) ที่จะต้องหยุดซื้อเสียง โปร่งใสด้วยการลงมือทำ ไม่ใช่แค่พูด
  • ข้าราชการรุ่นใหม่ (23%) ต้องเป็นกลไกแห่งความยุติธรรม ไม่ใช่เครื่องมือของผู้มีอำนาจ
  • นักธุรกิจรุ่นใหม่ (18%) ต้องปฏิเสธการจ่ายเงินใต้โต๊ะ สร้างธุรกิจบนคุณธรรม

 

ที่ผ่านมา องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้ร่วมกับภาคีภาคส่วนต่าง ๆ สร้างเครื่องมือสู้โกงที่เน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วม มีผลการดำเนินงานดังนี้

1. โครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) หรือ IP เพื่อสร้างความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่มีโครงการขนาดใหญ่มูลค่าเกินพันล้านบาทขึ้นไป ตาม พ...จัดซื้อจัดจ้างฯ พ.. 2560 ด้วยการเปิดให้มี “ผู้สังเกตการณ์อิสระ” เข้าไปทำหน้าที่ติดตามโครงการทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดทำ TOR จนถึงการส่งมอบงาน

  • ปี 2558-2563 มีโครงการที่เข้าร่วม 193 โครงการ รวมวงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท เกิดการประหยัดงบประมาณอย่างน้อย 7.8 หมื่นล้านบาท

2. โครงการ Construction Sector Transparency หรือ CoST ที่กำหนดให้โครงการก่อสร้างในท้องถิ่นหรือส่วนภูมิภาคเปิดข้อมูลตามมาตรฐาน CoST เพื่อลดการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ และส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมกำกับดูแลโครงการก่อสร้างพื้นฐานในท้องถิ่นได้สะดวกมากขึ้น

  • ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา CoST ช่วยประหยัดงบประมาณไปได้ถึง 2.8 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 7% ของงบประมาณ 4.5 แสนล้านบาท ของ 7,118 โครงการที่เข้าร่วม CoST

3. ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ACT Ai ระบบดิจิทัลแพลตฟอร์มที่แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูล จากชุดข้อมูลเปิดของภาครัฐเพื่อติดตามตรวจสอบการคอร์รัปชัน ผ่าน 4 ชุดข้อมูล ได้แก่

  1. ระบบฐานข้อมูลจับโกงจัดซื้อจัดจ้าง (actai.co) จัดเก็บข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ปัจจุบันมีข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างในระบบจำนวน 42.2 ล้านโครงการ
  2. ฐานข้อมูลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูง (poldata.actai.co) ทั้งข้อมูลบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูง ไปจนถึงความคืบหน้าเรื่องกล่าวหาใน ป... โดยเฉพาะคดีที่ชี้มูลความผิดแล้ว
  3. จับโกงงบ อบจ. (ACT Ai ผ่างบเมือง) เปิดเผยงบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัด 76 แห่งเผยแพร่ผ่านไมโครไซต์ localbudgeting.actai.co และ
  4. ฟ้องโกงด้วยแชตบอต (Corruption Watch) รับการแจ้งเบาะแสผ่าน LINE OA โดยเผยแพร่และรายงานสถานะบนเว็บไซต์ cs.actai.co

4.โครงการปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน (Facebook Page) เครือข่ายสู้โกงภาคประชาชน ด้วยการทำงานร่วมกันในการตรวจสอบ และเผยแพร่ข้อมูลการทุจริตผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งมียอดการมองเห็น (reach) สูงถึง 174 ล้านครั้ง และการมีส่วนร่วม (engagement) อีก 25 ล้านครั้ง เกิดการขยายผลในวงกว้าง ทำให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบ เช่น ป..., สตง. และ ป... เข้ามาตรวจสอบ ถึงปัจจุบัน มากกว่า 400 เคส และสามารถชี้มูลความผิดบุคคลที่ทุจริตได้ในหลายกรณี